10 New Arrival Wine July 2025

25 มิถุนายน 2025
Posted in: Selection
More from this author
By WINE-NOW

10 สินค้าใหม่ประจำเดือนจาก Wine-Now.asia

หากคุณคือผู้หลงใหลในรสสัมผัสอันลุ่มลึกของไวน์ หรือกำลังมองหาไวน์ระดับ Fine Wine เพื่อเก็บสะสมหรือเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษ คอลเลกชันล่าสุดจาก Wine-Now.asia นี้คือการรวมตัวของ 10 ไวน์ระดับตำนาน ที่ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากทั่วโลก ทั้งจาก แคว้นบอร์กโดซ์ เบอร์กันดี ทัสคานี ไนท์วัลเลย์ และชิลีระดับ 100 คะแนน

จาก Château Margaux 2020 ที่สะท้อนความสง่างามสูงสุดแห่ง First Growth แห่งฝรั่งเศส ไปจนถึง Masseto 2020 หนึ่งในไวน์ Merlot ที่หายากที่สุดจากอิตาลี และ VIK Millahue สุดยอดไวน์ที่คว้า 100 คะแนนเต็มจาก James Suckling ทุกขวดในคอลเลกชันนี้คือ “เครื่องหมายแห่งรสนิยม” สำหรับผู้ดื่มที่เข้าใจไวน์ในระดับลึก

แต่ละขวดเปี่ยมไปด้วยเรื่องราว ความใส่ใจในรายละเอียด และศักยภาพในการพัฒนาใน Cellar ได้อีกหลายสิบปี เหมาะทั้งสำหรับนักสะสมระดับมืออาชีพ ไปจนถึงผู้เริ่มต้นที่ต้องการเปิดโลกของไวน์ Grand Cru และ Icon Wine อย่างแท้จริง

พิเศษเฉพาะที่ Wine-Now.asia – สินค้ามีจำนวนจำกัด พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ


1. Sena 2021

Seña ถือกำเนิดจากความร่วมมือทางประวัติศาสตร์ระหว่าง Eduardo Chadwick แห่งตระกูลผู้บุกเบิกวงการไวน์คุณภาพของชิลี และ Robert Mondavi ตำนานแห่งนาปาวัลเลย์ สหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือ สร้างไวน์ชิลีที่สามารถยืนเคียงข้าง Bordeaux Grand Cru ได้อย่างภาคภูมิ”

ในปี 1995 ทั้งสองได้ก่อตั้งโปรเจกต์ Seña ที่ Aconcagua Valley ดินแดนที่เต็มไปด้วยพลังของภูเขาไฟ แร่ธาตุ และอากาศเย็นจากชายฝั่งแปซิฟิก
Seña เป็นหนึ่งในไวน์แรกของชิลีที่ยึดหลักการ เกษตรกรรมไบโอดีไมนิก (Biodynamic) เพื่อสะท้อนความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ผ่านกระบวนการผลิตที่ให้เกียรติทั้งแผ่นดินและจังหวะของจักรวาล

หลังจากใช้เวลากว่า 25 ปีในการพัฒนา terroir และเทคนิคการบ่มไวน์ Seña ก็ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็น ไวน์ Icon ระดับโลก ที่สื่อสารความเป็นชิลีในรูปแบบที่ทรงพลังและสง่างามที่สุด

คาแรกเตอร์เด่น:

✔ Bordeaux Blend ที่สะท้อน terroir ของชิลีอย่างลึกซึ้ง:
Seña 2021 เป็นการผสมผสานของ Cabernet Sauvignon, Malbec, Carmenère และ Petit Verdot ที่ได้รับการปลูกในดินภูเขาไฟผสมแร่ ซึ่งสร้างความลึก ความซับซ้อน และรสสัมผัสที่มีบุคลิกเฉพาะตัว

✔ กลิ่นหอมซ้อนชั้นและแม่นยำ:
เปิดด้วยโน้ตของแบล็กเคอร์แรนท์ พลัมสุก ดอกไวโอเลต และกราไฟต์ ก่อนจะพัฒนาเป็นกลิ่นวานิลลา เปลือกซีดาร์ และสมุนไพรแห้งเมื่อได้เวลาในแก้ว

✔ โครงสร้างหรูหราและอ่อนช้อย:
แทนนินละเอียดราวแพรไหม ความสดของกรดธรรมชาติช่วยสร้างสมดุลที่พอดี ทำให้สามารถดื่มได้ทั้งในวัยเยาว์หรือบ่มต่อได้อีก 20–30 ปี

✔ รางวัลและเสียงชื่นชมระดับโลก:
Seña 2021 ได้รับ คะแนนสูงสุดถึง 100 จาก James Suckling และได้รับเสียงยกย่องจากนักวิจารณ์ระดับโลกว่าเป็น “ไวน์ที่ยืนหยัดในหมู่ Grands Vins ได้อย่างแท้จริง”

✔ หนึ่งในไวน์สะสมที่ทรงคุณค่าที่สุดของอเมริกาใต้:
ผลิตจำนวนจำกัดในแต่ละวินเทจ และได้รับความนิยมในตลาดนักสะสมทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรป

  1. Sena  2021
    ราคาพิเศษ ฿8,959 ฿9,200 -3%
    Sena 2021
    Explore

2. Chateau Margaux 2020

Château Margaux คือหนึ่งในไวน์ระดับ Premier Grand Cru Classé จาก Bordeaux ที่ได้รับการจัดอันดับในปี 1855 และยังคงสง่างามเป็นตำนานไม่เปลี่ยนแปลงมากว่า 3 ศตวรรษ

ไร่องุ่นของ Margaux ตั้งอยู่ในฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Garonne บน ดินกรวดผสมหินปูน (gravel over limestone) ที่มอบสัมผัสไวน์ที่ทั้งหอม ละมุน และมีโครงสร้างอันซับซ้อนอย่างเป็นธรรมชาติ
นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 Margaux ได้รับสมญานามจากนักเขียนอย่าง Thomas Jefferson ว่า “The very essence of elegance in wine” และในปัจจุบันก็ยังได้รับการบริหารอย่างละเอียดอ่อนโดย Corinne Mentzelopoulos ซึ่งสืบทอดปรัชญาของการสร้างไวน์ที่สะท้อนถึง finesse, balance, and timeless beauty

วินเทจ 2020 นับเป็นปีแห่งความท้าทายทางธรรมชาติ แต่ Château Margaux กลับสามารถสร้างสรรค์ไวน์ที่แสดงออกถึง “ความลุ่มลึกแบบนุ่มนวล” ได้อย่างน่าทึ่ง — สมกับความยิ่งใหญ่ของชื่อเสียงตลอดกาล

คาแรกเตอร์เด่น:

✔ Cabernet Sauvignon ที่หรูหราอย่างคลาสสิก:
Château Margaux 2020 ประกอบด้วย Cabernet Sauvignon เป็นแกนหลัก (~89%) ผสมด้วย Merlot, Petit Verdot และ Cabernet Franc เพื่อมอบความลุ่มลึก กลมกล่อม และสไตล์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของ Margaux อย่างแท้จริง

✔ กลิ่นหอมสง่างามและซับซ้อน:
เปิดด้วยกลิ่นกุหลาบแห้ง ลูกพลัมดำ เปลือกไม้จันทน์ วานิลลา และมิ้นต์แห้ง ผสานความหอมจากถังโอ๊กฝรั่งเศสใหม่ที่บ่มนานกว่า 18 เดือน

✔ โครงสร้างนุ่มลึกระดับ Grand Cru:
แทนนินละเอียดแน่นราวกับผ้าแคชเมียร์ ให้ความรู้สึกเข้มข้นแต่ไม่ก้าวร้าว มีพลังซ่อนอยู่ภายใน เหมาะสำหรับการเก็บบ่มระยะยาวมากกว่า 30 ปี

✔ รางวัลและเสียงชื่นชมระดับโลก:
ได้รับ คะแนนสูงสุดถึง 100 จาก James Suckling “A wine that leaves you speechless. The finish lasts for minutes.” – คำกล่าวของ James Suckling ตอกย้ำว่า Margaux 2020 คือหนึ่งในวินเทจที่ดีที่สุดของศตวรรษนี้

✔ ไวน์สำหรับนักสะสมและค่ำคืนที่พิเศษที่สุด:
ด้วยชื่อเสียงระดับโลกที่ไม่เคยตก และศักยภาพในการพัฒนาในขวดอย่างต่อเนื่อง Château Margaux ถือเป็นหนึ่งใน “ราชินีแห่งไวน์ Bordeaux” ที่คู่ควรกับทั้งนักสะสมและผู้ที่หลงใหลในความสมบูรณ์แบบ

  1. Chateau Margaux  2020
    ราคาพิเศษ ฿29,999 ฿31,900 -6%
    Chateau Margaux 2020
    Explore

3. Chateau Mouton Rothschild 2019 (Premiers Crus)

Château Mouton Rothschild คือหนึ่งในไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก กำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 แต่ถูกเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตอย่างสิ้นเชิงเมื่อ Baron Philippe de Rothschild เข้ามาบริหารในปี 1922
เขาคือผู้บุกเบิกไวน์ Bordeaux แบบบรรจุขวดในโรงกลั่นเอง (mis en bouteille au château) และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการผลักดันให้ Mouton ได้รับการเลื่อนชั้นจาก Second Growth เป็น Premier Grand Cru Classé อย่างเป็นทางการในปี 1973 – ถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงการจัดอันดับ 1855

Mouton Rothschild มีความพิเศษยิ่งกว่านั้น — ทุกวินเทจจะมี ฉลากศิลปะ (Art Label) ที่ออกแบบโดยศิลปินระดับโลก เช่น Picasso, Dali, Miró, Chagall, และ Warhol ซึ่งทำให้ไวน์นี้เป็นทั้ง งานศิลปะและไวน์สะสมในเวลาเดียวกัน

วินเทจ 2019 เป็นหนึ่งในปีที่ดีที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยทั้งอากาศ ดิน และผลผลิตต่างพร้อมใจกันมอบสภาพสมบูรณ์ที่สุดให้กับไร่องุ่น Mouton และทำให้ไวน์ปีนี้กลายเป็นวินเทจที่หลายคนกล่าวว่า “ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบ”

คาแรกเตอร์เด่น:

✔ ไวน์ Cabernet Sauvignon ที่ทรงพลังและสง่างาม:
Mouton 2019 ประกอบด้วย Cabernet Sauvignon (~90%) ผสม Merlot และ Cabernet Franc ซึ่งให้โครงสร้างแน่นลึก สมบูรณ์แบบทั้งในความเข้มและความซับซ้อน

✔ กลิ่นหอมเข้มข้นแบบสไตล์ Mouton:
เปิดด้วยโน้ตของแบล็กเบอร์รี แคสซิส ช็อกโกแลตเข้ม ใบยาสูบและดอกไม้แห้ง พร้อมกลิ่นสไปซ์และโอ๊กชั้นเยี่ยมที่ผสานเป็นหนึ่งเดียว

✔ แทนนินแน่นแต่นุ่มละมุน:
ให้สัมผัสที่แข็งแกร่งแต่ขัดเกลาด้วยความประณีต รสชาติกระจายตัวลึกยาวในเพดานปากและแสดงศักยภาพบ่มได้เกิน 40 ปี

✔ ฉลากศิลปะแห่งปี 2019:
ได้รับการออกแบบโดยศิลปินคู่แฝด Lee Ufan & Xu Bing เพื่อสะท้อน “ความสมดุลระหว่างพลังและความสงบ” เช่นเดียวกับรสชาติของไวน์ในปีนี้

4. Masseto Toscana IGT 2020

Masseto คือไวน์ที่ไม่ใช่แค่หรูหรา แต่คือ “งานศิลป์ที่มีชีวิต” แห่งโลกของไวน์อิตาลี ถือกำเนิดจากแปลงปลูกเล็ก ๆ ริมชายฝั่ง Bolgheri แคว้นทัสคานา ในดินชนิดพิเศษที่เต็มไปด้วย มวลดินเหนียวผสมกรวด ที่ชาวพื้นเมืองเรียกกันว่า “Massi”

ในช่วงปี 1980s แนวคิดในการปลูก Merlot 100% ในพื้นที่ที่ไม่เป็นที่นิยมสำหรับพันธุ์นี้ถือว่าเสี่ยงมาก แต่ความเชื่อของทีม Tenuta dell’Ornellaia ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นว่า “ดินสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ได้ หากเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง”
จากแปลงปลูกที่มีเพียงไม่กี่เฮกตาร์ Masseto ได้กลายเป็นไวน์ที่ทั่วโลกจับตามอง และได้รับฉายาว่า “Pétrus แห่งอิตาลี” ด้วยสไตล์อันสง่างาม ลุ่มลึก และมีมิติ

คาแรกเตอร์เด่น:

✔ Merlot ที่เปล่งประกายด้วยพลังและศิลป์:
Masseto 2020 คือการแสดงออกสูงสุดของเมอร์โลต์ที่ให้กลิ่นโน้ตของผลไม้สีเข้ม เช่น แบล็กเชอร์รี่และพลัมสุก แฝงกลิ่นโกโก้ แร่ธาตุ และสมุนไพรแห้ง พร้อมสัมผัสของโอ๊กฝรั่งเศสที่บ่มอย่างพิถีพิถัน

✔ โครงสร้างแน่นลึกแต่กลมกล่อม:
แทนนินเนียนละเอียดเหมือนกำมะหยี่ เนื้อสัมผัสแน่นแต่ไม่แข็งกระด้าง มีความลึกของรสชาติที่พัฒนาในปากอย่างต่อเนื่อง สื่อถึงศักยภาพในการเก็บบ่มได้ยาวนานถึง 30 ปีขึ้นไป

✔ หนึ่งในไวน์สะสมที่ทรงคุณค่า:
ผลิตจำนวนน้อยมากในแต่ละปี และเป็นหนึ่งในไวน์ที่ถูกล่าโดยนักสะสมไวน์ทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย ยุโรป และตลาดระดับพรีเมียมในอเมริกา

✔ “Single Vineyard, Singular Identity”
Masseto คือไวน์ที่ผลิตจากแปลงเดียวที่ไม่สามารถลอกเลียนได้ — ทั้ง terroir, อุณหภูมิ, การจัดการสวน และ microclimate ทำให้เกิดเอกลักษณ์ที่แม้แต่ Merlot จาก Bordeaux ก็ยังไม่สามารถเลียนแบบได้

5. Tenuta San Guido Sassicaia 2021

Sassicaia คือไวน์ที่ปฏิวัติวงการไวน์อิตาลีตลอดกาล ถือกำเนิดขึ้นจากความฝันและวิสัยทัศน์ของ Marchese Mario Incisa della Rocchetta แห่งตระกูล Tenuta San Guido ผู้หลงใหลในไวน์ Bordeaux
ในช่วงปี 1940s เขาตัดสินใจปลูก Cabernet Sauvignon และ Cabernet Franc บนเนินเขาริมชายฝั่งใน Bolgheri ซึ่งในเวลานั้นถือว่าแปลกประหลาดและไม่มีใครเชื่อว่าจะสำเร็จ

ไวน์ที่ได้ในตอนแรกถูกเก็บไว้บริโภคภายในครอบครัว แต่เมื่อนำออกสู่ตลาดในปี 1968 มันก็กลายเป็นปรากฏการณ์ทันที พร้อมจุดประกายคำว่า “Super Tuscan” – หมวดไวน์ใหม่ที่ไม่ยึดตามกฎ DOC แบบดั้งเดิม แต่ยึดตามคุณภาพและตัวตนของไวน์อย่างแท้จริง

จนถึงวันนี้ Sassicaia ยังคงเป็นไวน์เพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการจัดประเภทเฉพาะของตัวเองคือ DOC Bolgheri Sassicaia – สถานะที่สงวนไว้ให้แค่หนึ่งไร่หนึ่งไวน์ หนึ่งเดียวในอิตาลี

คาแรกเตอร์เด่น:

✔ ไวน์ Cabernet Blend ที่เปล่งประกายด้วยความคลาสสิก:
Sassicaia 2021 ประกอบด้วย Cabernet Sauvignon (~85%) และ Cabernet Franc (~15%) ให้กลิ่นอายของ Bordeaux Left Bank ที่เต็มไปด้วยโครงสร้าง แต่ยังคงความโปร่ง เบา และอ่อนช้อยแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

✔ กลิ่นหอมซับซ้อนชวนหลงใหล:
กลิ่นแบล็กเคอร์แรนท์ พลัมสุก ดอกไวโอเลต ใบยาสูบแห้ง ผสานกลิ่นกราไฟต์ โอ๊กฝรั่งเศส และกลิ่นแร่จากดินกรวดของ Bolgheri ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Sassicaia

✔ แทนนินแน่นแต่สง่างาม:
ให้สัมผัสที่แน่นแต่เนียนละเอียด มีพลังแบบ Bordeaux ชั้นสูง ผสานกับความเคลื่อนไหวในปากอย่างนุ่มลึก มีศักยภาพในการเก็บบ่มได้ยาวนานกว่า 30 ปี

✔ รางวัลและเสียงชื่นชมระดับโลก:
Sassicaia 2021 ได้รับคะแนนระดับ 100 คะแนนจาก Wine Advocate โดยยกย่องให้เป็นหนึ่งในวินเทจที่สง่างามที่สุดในรอบทศวรรษ

✔ ไวน์สะสมแห่งอิตาลี:
ด้วยตำแหน่งผู้บุกเบิก Super Tuscan, ความหายาก และประวัติศาสตร์ที่ทรงอิทธิพล Sassicaia จึงเป็นหนึ่งในไวน์ที่นักสะสมทั่วโลกแสวงหา และเป็นตัวแทนความหรูหราของอิตาลีในเวทีระดับโลก

6. Dominus Estate 2017

Dominus Estate คือผลงานที่ผสานความรู้จากโลกเก่าเข้ากับพลังของโลกใหม่ได้อย่างกลมกลืน ผลิตโดย Christian Moueix ทายาทแห่งตระกูลผู้สร้างตำนาน Château Pétrus แห่ง Pomerol, Bordeaux

ในช่วงปลายทศวรรษ 1960s ขณะศึกษาด้านไวน์ที่ UC Davis ประเทศสหรัฐอเมริกา Christian หลงใหลในศักยภาพของ Napa Valley และในปี 1981 เขาเลือก Napanook Vineyard – แปลงองุ่นประวัติศาสตร์ในเขต Yountville ซึ่งมีการปลูกองุ่นมาตั้งแต่ปี 1838 – เพื่อเป็นพื้นที่ในการสร้างไวน์ที่สะท้อน “จิตวิญญาณแบบ Bordeaux แต่เกิดใน Napa”

Dominus หมายถึง “ผู้ปกครอง” ในภาษาละติน เป็นชื่อที่สื่อถึงการควบคุมดินแดนด้วยความเคารพธรรมชาติ การผลิตเน้นแนวคิด “minimal intervention” คือปล่อยให้ terroir พูดด้วยตัวเอง โดยไม่แต่งเติมหรือปรุงแต่งเกินจำเป็น

คาแรกเตอร์เด่น:

✔ Cabernet Blend ที่หรูหราอย่างมีชั้นเชิง:
Dominus 2017 คือการผสมผสานของ Cabernet Sauvignon, Petit Verdot และ Cabernet Franc ซึ่งให้โครงสร้างแน่นและซับซ้อนในแบบ Bordeaux แต่ยังแสดงพลังและแสงสว่างของ Napa Valley ได้อย่างชัดเจน

✔ กลิ่นหอมลึกและหลากหลาย:
เริ่มต้นด้วยโน้ตของแบล็กเคอร์แรนท์ พลัมอบ ลูกเกดเข้ม แฝงกลิ่นมิ้นต์ ใบยาสูบ โกโก้ และช็อกโกแลตดำ พร้อมสัมผัสของเครื่องเทศและโอ๊กฝรั่งเศสที่ละเอียดอ่อน

✔ แทนนินแน่นแต่เนียน:
ให้เนื้อสัมผัสที่ละเอียดเหมือนผ้ากำมะหยี่ มีพลังแฝงในโครงสร้าง แต่ดื่มได้อย่างสมดุลในช่วงวัยเยาว์ และสามารถพัฒนาได้อีกยาวนานกว่า 30 ปี

✔ ไวน์แห่งความนิ่ง สุขุม และทรงพลัง:
หากไวน์ Napa ส่วนใหญ่เน้นพลังและความเข้ม Dominus คือการสื่อสารด้วย “ความนิ่งลึก” และความแม่นยำ ราวกับเสียงไวโอลินที่เปล่งออกมาในห้องนิ่งไร้แสง

  1. Dominus Estate 2011
    ราคาพิเศษ ฿14,429 ฿14,800 -3%
    Dominus Estate 2017
    Explore

7. Chateau Canon 2020

Château Canon คือหนึ่งในไวน์ Grand Cru Classé B ที่ได้รับการเคารพอย่างสูงในเขต Saint-Émilion และนับวันยิ่งทวีความโดดเด่นขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยการฟื้นฟูคุณภาพแบบลึกซึ้งโดย Chanel Group เจ้าของคนเดียวกับ Château Rauzan-Ségla แห่ง Margaux

ไร่องุ่น Canon ตั้งอยู่บน “Plateau Calcaire” หรือแผ่นหินปูนบริสุทธิ์ที่อยู่ด้านบนสุดของ Saint-Émilion ซึ่งถือเป็น terroir ระดับทองที่มอบความสดและความซับซ้อนให้กับ Merlot และ Cabernet Franc ได้อย่างงดงาม
ชื่อ “Canon” มาจากเจ้าของดั้งเดิมในศตวรรษที่ 18 – นายทหารชาวฝรั่งเศส Jacques Kanon ผู้เป็นผู้บุกเบิกการขยายแปลงไวน์ในพื้นที่สูงสุดของเมือง Saint-Émilion จนกลายเป็นหนึ่งในชาโตว์ที่มีทำเลดีที่สุดในภูมิภาค

คาแรกเตอร์เด่น:

✔ Merlot & Cabernet Franc จากแผ่นหินปูนที่ให้ความละเมียดละไม:
Château Canon 2020 ทำจาก Merlot ~65% และ Cabernet Franc ~35% ซึ่งมอบรสชาติที่เข้มแต่โปร่ง สดชื่น และมีความบริสุทธิ์ของผลไม้สูง พร้อมโครงสร้างที่ละเอียดแบบไร้ที่ติ

✔ กลิ่นหอมซับซ้อน สง่างาม และสะอาด:
โน้ตของเชอร์รี่แดง ลูกพลัม กุหลาบแห้ง ใบยาสูบ และแร่ธาตุจากดินหินปูน แฝงกลิ่นวานิลลาและเครื่องเทศจากการบ่มในโอ๊กฝรั่งเศสใหม่ที่สมดุลและไม่กลบกลิ่นผลไม้

✔ สัมผัสของ Grand Vin แห่งยุคใหม่:
แทนนินแน่นแต่นุ่มพริ้ว มอบ texture ที่กลมกล่อม กรดธรรมชาติสูงช่วยให้ไวน์มีความสดชื่น พร้อมศักยภาพในการบ่มระยะยาว 25–35 ปีขึ้นไป

✔ ไวน์ที่ผสานอดีต ปัจจุบัน และอนาคต:
ด้วยสไตล์ที่สงบแต่เปี่ยมพลัง Canon จึงเป็นไวน์ที่นักดื่มและนักสะสมไวน์ทั่วโลกมองหาในฐานะ ไวน์ Saint-Émilion ที่พูดด้วยเสียงอันนุ่มนวลแต่มั่นคง”

  1. Chateau Canon  2020
    ราคาพิเศษ ฿8,559 ฿8,800 -3%
    Chateau Canon 2020
    Explore

8. CHATEAU GRAND PUY LACOSTE PAUILLAC 2016

Château Grand-Puy-Lacoste คือหนึ่งใน 5ème Grand Cru Classé จากการจัดอันดับปี 1855 แห่งเขต Pauillac ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนของไวน์อันเข้มข้นและมีอำนาจแห่ง Bordeaux’s Left Bank
ไร่นี้มีประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 โดยชื่อ “Grand-Puy” หมายถึง “เนินเขาเล็ก ๆ” ในภาษาถิ่นกาสกง ซึ่งอธิบายถึงทำเลของไร่องุ่นที่ตั้งอยู่บนที่ดินสูงของ Pauillac อันเต็มไปด้วยหินกรวดผสมดินทราย ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับ Cabernet Sauvignon

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา Château แห่งนี้ถูกบริหารโดยครอบครัว Borie ผู้ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในวงการไวน์ Bordeaux โดยพวกเขายึดมั่นในหลักการของ “ความสง่างามเหนือความแรง” ซึ่งทำให้ไวน์ของ Grand-Puy-Lacoste มีสไตล์ที่ทั้งมั่นคง เข้มข้น แต่ไม่แข็งกระด้าง และสามารถพัฒนาในขวดได้อย่างน่าทึ่ง

คาแรกเตอร์เด่น:

✔ Cabernet Sauvignon ที่เข้มข้นแต่มีกลิ่นอายแห่งความสง่างาม:
Grand-Puy-Lacoste 2016 ผลิตจาก Cabernet Sauvignon (~79%) ผสม Merlot (~21%) ให้โครงสร้างแน่น กลิ่นผลไม้ดำลุ่มลึก และแทนนินที่แข็งแรงแต่กลมกล่อม

✔ กลิ่นหอมลุ่มลึกและซับซ้อน:
เปิดด้วยกลิ่นแบล็กเคอร์แรนท์ ลูกพลัมเข้ม ใบยาสูบ โอ๊คฝรั่งเศส และกราไฟต์ พร้อมกลิ่นเครื่องเทศแห้งที่ค่อย ๆ ปรากฏเมื่อไวน์เปิดตัวในแก้ว

✔ วินเทจแห่งความสมบูรณ์:
ปี 2016 ถือเป็นวินเทจ “ในฝัน” สำหรับฝั่งซ้าย Bordeaux ด้วยอุณหภูมิและฝนที่สมดุล ส่งผลให้ไวน์จาก Pauillac ในปีนี้แสดงออกถึงทั้งพลัง ความแม่นยำ และความสดได้พร้อมกันอย่างลงตัว

✔ ศักยภาพในการเก็บบ่มยาวนาน:
โครงสร้างและกรดธรรมชาติช่วยให้ไวน์สามารถพัฒนาได้อย่างงดงามในขวดมากกว่า 30 ปี โดยยังคงความสมดุลและพลังภายใน

  1. Chateau Grand-Puy-Lacoste  2016
    ราคาพิเศษ ฿5,299 ฿5,500 -4%
    Chateau Grand-Puy-Lacoste 2016
    Explore

9. Clarendelle Medoc Red

Clarendelle คือแบรนด์ไวน์ระดับ “Haute Couture” ที่ได้รับการดูแลโดย Domaine Clarence Dillon ผู้อยู่เบื้องหลังตำนาน Château Haut-Brion – หนึ่งใน Premier Grand Cru Classé ของ Bordeaux
ไวน์ Clarendelle ได้รับแรงบันดาลใจจากความสง่างามของไวน์ Haut-Brion แต่ถูกออกแบบให้เข้าถึงง่ายขึ้น เหมาะสำหรับการดื่มในชีวิตประจำวัน โดยยังคงคุณภาพในระดับที่เรียกได้ว่า “ไวน์ของราชวงศ์”

Clarendelle Médoc Red สะท้อนถึงเสน่ห์ของฝั่งซ้าย (Left Bank) แห่ง Bordeaux โดยคัดสรรองุ่นจากพื้นที่ Médoc ซึ่งเป็นบ้านของไวน์ Cabernet ชั้นนำของโลก บ่มอย่างประณีตและควบคุมคุณภาพภายใต้สายตาของทีม oenologist เดียวกับ Château Haut-Brion

คาแรกเตอร์เด่น:

✔ สไตล์ Bordeaux ที่เข้าถึงง่ายแต่ยังคงความหรูหรา:
Clarendelle Médoc Red ทำจาก Cabernet Sauvignon, Merlot และ Cabernet Franc ในสัดส่วนที่บาลานซ์ระหว่างพลังและความกลมกล่อม ดื่มง่ายโดยไม่ต้องรอเวลานาน

✔ กลิ่นหอมผลไม้เข้มข้นผสานเครื่องเทศเบา ๆ:
มอบกลิ่นของแบล็กเชอร์รี่ เคอร์แรนท์ ใบยาสูบ และวานิลลา แฝงกลิ่นโอ๊กที่นุ่มนวลและเครื่องเทศจาง ๆ จากการบ่มในถังไม้

✔ โครงสร้างดี มีความนุ่ม:
แทนนินเนียนละเอียด กรดพอดี ช่วยให้ไวน์มีความสดและคล่องตัว เหมาะทั้งสำหรับการดื่มทันทีหรือเก็บบ่มในระยะกลาง 5–7 ปี

✔ ไวน์ Bordeaux ที่ “ดื่มได้ทุกวัน” แต่มีชั้นเชิง:
ให้ประสบการณ์แบบไวน์ Grand Cru แต่ในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมคุณภาพที่อยู่เหนือไวน์ Médoc ระดับทั่วไป

✔ แบรนด์ที่มีสายเลือดจาก Château Haut-Brion:
ภายใต้การดูแลของทีมเดียวกับ Premier Grand Cru แห่ง Graves ทำให้ไวน์นี้มีการควบคุมคุณภาพอย่างละเอียดและได้มาตรฐานสูงระดับโลก

  1. Clarendelle  Rouge Inspired by Haut-Brion AOC
    ฿1,219
    Clarendelle Medoc Red
    Explore

10. VIK Millahue

VIK Millahue เกิดจากความฝันอันทะเยอทะยานของ Alexander Vik นักลงทุนและผู้หลงใหลในไวน์ชาวนอร์เวย์ ผู้ตั้งใจจะสร้าง “ไวน์ที่ดีที่สุดในโลก” เขาและทีมผู้เชี่ยวชาญเดินทางข้ามทวีปเพื่อค้นหาผืนดินที่สมบูรณ์แบบ จนได้พบกับหุบเขาอันเงียบสงบใน Millahue Valley ประเทศชิลี—สถานที่ที่ชาวพื้นเมือง Mapuche เรียกว่า สถานที่แห่งทองคำ”

โครงการ VIK เริ่มต้นในปี 2004 บนพื้นที่กว่า 4,000 เฮกตาร์ โดยผสานแนวคิด การทำไวน์แบบองค์รวม (holistic winemaking) ที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่าง terroir, เทคโนโลยี, และสิ่งแวดล้อมอย่างลึกซึ้ง ทุกขั้นตอนตั้งแต่ปลูกองุ่น คัดพันธุ์ ไปจนถึงการออกแบบโรงบ่ม ล้วนถูกออกแบบในระดับวิศวกรรมศิลป์ เพื่อให้ไวน์สะท้อนภูมิสถาปัตย์แห่งธรรมชาติอย่างแท้จริง

คาแรกเตอร์เด่น:

✔ ไวน์ Blend สุดประณีตที่รวมพันธุ์องุ่นสายเลือด Bordeaux:
VIK Millahue มักประกอบด้วย Cabernet Sauvignon, Carmenère, Cabernet Franc, Merlot และ Syrah ซึ่งแต่ละพันธุ์ได้รับการคัดสรรจากแปลงปลูกที่ดีที่สุดในหุบเขา เพื่อสร้างสมดุลระหว่างพลัง ความสด และความซับซ้อน

✔ กลิ่นหอมลุ่มลึกแบบ New World ที่สง่างาม:
เผยกลิ่นของแบล็กเคอร์แรนท์ ดาร์กเชอร์รี่ ช็อกโกแลตเข้ม สมุนไพรสด และโน้ตของมิ้นต์และแร่ธาตุ บ่มในโอ๊กฝรั่งเศสให้กลิ่นวานิลลาและเครื่องเทศชั้นดี

✔ โครงสร้างแน่นแต่เนียน:
แทนนินละเอียดพร้อมเนื้อสัมผัสแน่นแต่กลมกล่อม กรดที่ดีเยี่ยมช่วยส่งเสริมการบ่มระยะยาว มีพลังแบบไวน์ Napa Valley แต่สื่อสารด้วยความสง่างามแบบ Bordeaux

✔ รางวัลและเสียงชื่นชมระดับโลก:
100 คะแนนจาก James Suckling และถูกยกย่องว่าเป็นไวน์ชิลีที่ “เข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากที่สุดในยุคนี้”

✔ ศิลปะและสถาปัตยกรรมแห่งไวน์:
โรงบ่ม VIK ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกระดับโลก Rafael Viñoly และนับเป็นหนึ่งในโรงไวน์ที่งดงามที่สุดในโลก ทุกขวดของ VIK จึงไม่ใช่แค่ไวน์ — แต่คือ ประสบการณ์แห่งศิลป์

  1. Graca 28  Reserva Douro DOC
    ราคาพิเศษ ฿5,999 ฿6,300 -5%
    VIK Millahue
    Explore