10 Recommend Chateauneuf du Pape
เปิดตำนานไวน์ Châteauneuf-du-Pape
ถ้าจะพูดถึงไวน์แดงระดับตำนานจากฝรั่งเศสที่สายไวน์ตัวจริง “ต้องลองสักครั้งในชีวิต” — หนึ่งในชื่อที่ไม่ควรพลาด คือ Châteauneuf-du-Pape (ชาโตว์เนิฟ ดู ป๊าป)
ไวน์ขวดนี้ไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังบรรจุเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิประเทศที่โดดเด่นไว้อย่างครบถ้วน
จุดเริ่มต้นในประวัติศาสตร์: ไวน์ของพระสันตะปาปา
ชื่อ Châteauneuf-du-Pape แปลตรงตัวว่า “ปราสาทใหม่ของพระสันตะปาปา” มีรากฐานจากช่วงศตวรรษที่ 14 เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 5 ย้ายที่ประทับจากกรุงโรมมายังเมืองอาวีญง (Avignon) ในทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ต่อมา พระสันตะปาปาจอห์นที่ 22 ได้ทรงสร้างพระราชวังฤดูร้อนท่ามกลางไร่องุ่นของเมืองนี้ และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของชื่อเสียง Châteauneuf-du-Pape ในโลกของไวน์
องุ่นหลากหลาย สไตล์เข้มข้นแบบ Rhône Blend
Châteauneuf-du-Pape เป็นหนึ่งในไม่กี่แคว้นที่กฎหมายอนุญาตให้ใช้ได้ถึง 13 หรือ 14 สายพันธุ์องุ่น ทั้งแดงและขาว แต่หลัก ๆ จะเน้นที่ Grenache (ให้ผลไม้หวาน), Syrah (ให้ความเผ็ดร้อนและโครงสร้าง) และ Mourvèdre (ให้แทนนินและกลิ่นหนัง)
ผลลัพธ์ที่ได้คือไวน์ที่ เข้มข้น หอมฟุ้ง ซับซ้อน แต่ยังคงดื่มง่าย ด้วยบอดี้แน่นและกลิ่นผลไม้สุกผสานสมุนไพรจากดินแดนโปรวองซ์
Terroir จาก “ก้อนหินกลม” ที่ไม่เหมือนใคร
สิ่งที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่นี้คือดินที่ปกคลุมด้วยก้อนหินกลมขนาดเท่าฝ่ามือ (เรียกว่า galets roulés) ซึ่งช่วยสะสมความร้อนในตอนกลางวันและค่อย ๆ ปล่อยความร้อนออกมาในตอนกลางคืน ทำให้องุ่นสุกอย่างสมบูรณ์แบบ
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ไวน์จากที่นี่มีพลังและความลึกมากกว่าหลายพื้นที่ใน Rhône Valley
ทำไมคุณควรลองไวน์ Châteauneuf-du-Pape
✔ เป็นหนึ่งในไวน์ AOC แรกของฝรั่งเศส ที่ถูกควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด
✔ มีเอกลักษณ์ของ “Southern Rhône Blend” ที่หอมและทรงพลัง
✔ ใช้องุ่นได้มากถึง 13+ สายพันธุ์ในสูตรลับเฉพาะของแต่ละ Château
✔ ดื่มได้ทั้งตอนยังอายุไวน์น้อย (สด รสฟรุตตี้) และเมื่อบ่มต่อ (กลิ่นซับซ้อน ลึก นุ่มนวล)
Châteauneuf-du-Pape ไม่ใช่แค่ไวน์ฝรั่งเศสธรรมดา แต่คือ “ขวดแห่งประวัติศาสตร์และสุนทรียะของ Rhône Valley” ที่รวมทั้งพลังแห่งดวงอาทิตย์ ดินที่เต็มไปด้วยหิน และศิลปะการเบลนด์ที่เปี่ยมด้วยความชำนาญ
หากคุณกำลังมองหาไวน์แดงที่มีเสน่ห์แบบฝรั่งเศสแท้ ๆ แต่ยังคงความเข้มข้นน่าหลงใหล ไวน์ Châteauneuf-du-Pape เป็นอีกทางเลือกที่ไม่ควรพลาด
1. Château de Beaucastel Châteauneuf-du-Pape
Château de Beaucastel คือหนึ่งในเสาหลักแห่งไวน์ Châteauneuf-du-Pape ที่มีประวัติยาวนานนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยตระกูล Perrin (แฟมิลล์ แปรง) ได้สืบทอดมรดกและความรู้ในการทำไวน์มากว่า 5 ชั่วอายุคน ถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการทำไวน์ออร์แกนิกและไบโอดินามิกใน Rhône Valley ไร่องุ่นของ Beaucastel ตั้งอยู่บนผืนดินที่เต็มไปด้วยก้อนหินกลมขนาดใหญ่ที่เรียกว่า galets roulés ซึ่งสะท้อนทั้งความร้อนในตอนกลางวันและความลึกซึ้งของ terroir ใต้เท้าคุณ
Beaucastel มีชื่อเสียงในด้านการใช้องุ่นทั้ง 13 สายพันธุ์ที่ได้รับอนุญาตใน Châteauneuf-du-Pape อย่างแท้จริง โดยเฉพาะ Mourvèdre ที่เป็นหัวใจของไวน์นี้ และแสดงออกถึงเอกลักษณ์อย่างน่าทึ่ง
คาแรกเตอร์เด่น:
ไวน์ Château de Beaucastel มีโครงสร้างที่ทรงพลังแต่สง่างาม เต็มไปด้วยพลังจาก Mourvèdre ที่เข้มข้น ร่วมด้วย Grenache ที่หอมหวานและกลมกล่อม Syrah ที่มีกลิ่นพริกไทย และ Cinsault ที่มอบความละมุน เป็นไวน์ที่มีความ “ครบเครื่อง” ทั้งในกลิ่น รส สัมผัส และอารมณ์ของพื้นที่ Rhône
โน้ตการชิม:
กลิ่นหอมเปิดด้วยดอกไม้ป่า ผลเชอร์รี่ดำ พริกไทยดำ สมุนไพร garrigue และกลิ่นหนังสัตว์แบบดินแดนเมดิเตอร์เรเนียน โครงสร้างไวน์หนักแน่น กลมกล่อม มีแทนนินละเอียดและสมดุล รสชาติคล้ายผลไม้แห้ง อบเชย กานพลู และดินป่า ยาวนานและชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อผ่านการบ่ม
คำแนะนำจับคู่กับอาหาร
ไวน์นี้จับคู่ได้ดีกับอาหารฝรั่งเศสรสเข้มอย่าง แกะตุ๋นโรสแมรี่, ซี่โครงวัวอบซอสไวน์แดง, หรือ เห็ดป่าย่าง สำหรับอาหารไทย แนะนำ แกงเผ็ดเป็ดย่าง, หมูตุ๋นซีอิ๊ว, หรือ เนื้อย่างจิ้มแจ่ว ที่มีความเผ็ดอ่อนและรสเค็มนำ ซึ่งจะช่วยขับความซับซ้อนของไวน์ออกมาอย่างโดดเด่น
2. Bosquet Des Papes Chateauneuf-du-Pape Chante Le Merle
Domaine Bosquet des Papes ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1860 โดยตระกูล Boiron ที่มีรากเหง้าลึกซึ้งใน Châteauneuf-du-Pape ไวน์รุ่น “Chante Le Merle” แปลว่า “เสียงขับขานของนกเมอร์ล” เปรียบเสมือนบทกวีแห่งไร่องุ่นที่เก็บเกี่ยวด้วยมือ และสร้างสรรค์อย่างใส่ใจในทุกขั้นตอน
ไร่องุ่นมีอายุเฉลี่ยกว่า 50 ปี ปลูกอยู่บนแผ่นดินหินลูกรังแบบ galets roulés ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาค Rhône และช่วยสะท้อนความลึกของ terroir ที่เปล่งประกายในไวน์ทุกขวด
คาแรกเตอร์เด่น:
Chante Le Merle คือการแสดงออกถึงความกลมกล่อม ความลึก และความสง่างามของ Grenache, Syrah, และ Mourvèdre ที่ถูกผสมผสานอย่างลงตัว ให้กลิ่นที่อบอุ่น ซับซ้อน และสัมผัสที่หรูหราบนเพดานปาก โดยเฉพาะ Grenache ที่เด่นชัดและทรงพลังจากเถาเก่ากว่า 80 ปี
โน้ตการชิม:
กลิ่นเปิดด้วยเชอร์รี่ดำ ราสเบอร์รี่แห้ง และพริกไทยดำ ตามด้วยกลิ่นดิน หญ้าแห้ง และสมุนไพร garrigue ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Châteauneuf-du-Pape รสชาติเต็มเนื้อ แทนนินนุ่มนวล รสสัมผัสแน่นและเข้มข้น มีกลิ่นไม้โอ๊คและโกโก้จากการบ่มในถังไม้เก่า ยาวนานและซับซ้อน
คำแนะนำจับคู่กับอาหาร
ไวน์แดงจาก Chante Le Merle คู่อย่างสมบูรณ์แบบกับอาหารจานเนื้อเช่น แก้มวัวตุ๋นไวน์แดง, เนื้อกวางอบสมุนไพร, หรือ คาโซเล่ต์ฝรั่งเศส สำหรับอาหารไทย แนะนำ พะแนงเนื้อ, หมูฮ้อง, หรือ ขาหมูพะโล้เครื่องเทศ ที่มีความเค็มหวานลึกซึ้งจะช่วยขับรสไวน์ออกมาอย่างชัดเจน
3. Domaine de la Mordorée Chateauneuf-du-Pape Cuvee de "La Reine des Bois"
Domaine de la Mordorée ก่อตั้งขึ้นในปี 1986 โดยครอบครัว Delorme ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะสร้างไวน์คุณภาพสูงสุดจากแคว้น Rhône โดยยังคงยึดมั่นในวิถีธรรมชาติ การเก็บเกี่ยวด้วยมือ และการดูแลไร่องุ่นแบบ biodynamic
Cuvée de “La Reine des Bois” หรือ “ราชินีแห่งป่า” เป็นไวน์เรือธงของโดเมน โดยใช้เฉพาะองุ่นจากไร่ที่ดีที่สุด มีอายุเถาเฉลี่ยกว่า 60 ปี โดยเน้น Grenache, Mourvèdre, Syrah และองุ่นเก่าอีกหลายสายพันธุ์ สะท้อนความลึก ความลุ่มลึก และความสง่างามของ Châteauneuf-du-Pape ได้อย่างไร้ที่ติ
คาแรกเตอร์เด่น:
ไวน์รุ่น “ราชินีแห่งป่า” นี้ มีพลังและความสง่างามที่สื่อถึงทั้งพลังธรรมชาติและการควบคุมอย่างแม่นยำ เป็นไวน์ที่ผสานความเข้มข้นของผลไม้สุก แทนนินเนียนละเอียด และกลิ่นดินป่าที่ซับซ้อนอย่างโดดเด่น โดดเด่นด้วยสไตล์ที่เน้นทั้ง กลิ่นและโครงสร้าง ทำให้มีศักยภาพในการเก็บบ่มยาวนานถึง 15–20 ปี
โน้ตการชิม:
กลิ่นหอมของบลูเบอร์รี่ มอเรลโลเชอร์รี่ พลัมดำ ตามด้วยกลิ่นดอกไวโอเลต สมุนไพร garrigue โกโก้ และกลิ่นแร่ธาตุจากดินปูน รสสัมผัสเนื้อแน่น ละเอียด กลมกล่อม มีชั้นของกลิ่นรสที่แปรเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ให้ความรู้สึกลึกและลุ่มลึกในทุกจิบ
คำแนะนำจับคู่กับอาหาร
ไวน์นี้เหมาะกับอาหารที่มีรสลึกและเข้ม เช่น ซี่โครงแกะย่างกับสมุนไพร, หมูป่าอบไวน์แดง, หรือ ชีส aged แบบ hard cheese อย่าง Comté หรือ Mimolette สำหรับอาหารไทย แนะนำ มัสมั่นเนื้อ, คากิพะโล้, หรือ เนื้อเปื่อยตุ๋นยาจีน ที่มีรสชาติกลมกล่อมและกลิ่นเครื่องเทศแบบลึกซึ้ง
4. E.Guigal Chateauneuf du Pape Rouge AOC
Maison E. Guigal คือชื่อที่ยืนหยัดอยู่แถวหน้าของวงการไวน์ Rhône มานานกว่าครึ่งศตวรรษ ก่อตั้งในปี 1946 โดย Étienne Guigal ในเมือง Ampuis แคว้น Northern Rhône แม้จะเริ่มจากไวน์ Côte-Rôtie แต่ Guigal ก็ได้ขยายอาณาจักรไปสู่ Southern Rhône และ Châteauneuf-du-Pape โดยคงคุณภาพและความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด
ไวน์ Châteauneuf-du-Pape Rouge AOC ของ Guigal คือบทสรุปของประสบการณ์ ผสานความลุ่มลึกของภูมิภาคและความแม่นยำในสไตล์การทำไวน์แบบกีกาลไว้อย่างลงตัว
คาแรกเตอร์เด่น:
ไวน์รุ่นนี้เป็นการแสดงออกถึงความงามของ Châteauneuf-du-Pape ที่ “สมดุล” มากที่สุด — มีทั้งโครงสร้างที่แน่น ความเข้มของผลไม้ ความละมุนจากการบ่ม และความเป็นตัวของตัวเองจาก Grenache, Syrah และ Mourvèdre โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Guigal คัดสรรเฉพาะองุ่นจากไร่คุณภาพสูง จึงให้ความซับซ้อนที่กลมกล่อมในทุกแง่มุม
โน้ตการชิม:
กลิ่นหอมของลูกพรุนสุก เชอร์รี่ดำ มอคค่า โป๊ยกั๊ก และดอกไม้แห้ง นำด้วยผลไม้สีเข้มและกลิ่นเครื่องเทศ รสชาติแน่น เต็มคำ มีโครงสร้างแทนนินชัดเจนแต่เนียนละเอียด พร้อมกลิ่นรองของโอ๊คอ่อน ๆ ช็อกโกแลตดำ และดินป่า จบยาวและมีเสน่ห์
คำแนะนำจับคู่กับอาหาร
เหมาะอย่างยิ่งกับอาหารฝรั่งเศสแบบคลาสสิก เช่น สตูว์เนื้อแดง (Boeuf Bourguignon), เป็ดอบซอสไวน์แดง, หรือ หมูอบสมุนไพร สำหรับอาหารไทย แนะนำ แกงมัสมั่นเนื้อ, หมูกรอบผัดพริกแกง, หรือ เนื้อย่างจิ้มแจ่ว ที่มีความเผ็ดนุ่มและรสเค็มมัน
5. La Chasse Des Princes Chateauneuf du pape
La Chasse des Princes หมายถึง “การล่าของเจ้าชาย” เป็นชื่อที่ชวนให้นึกถึงยุคกลาง ซึ่งเหล่าเจ้าชายและราชวงศ์เดินทางผ่านดินแดน Châteauneuf-du-Pape เพื่อแสวงหาไวน์ชั้นดีแห่งโพรวองซ์ ไวน์นี้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการแด่ประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของเมืองหลวงแห่งไวน์ของพระสันตะปาปา โดยใช้ผลผลิตจากไร่องุ่นเก่าแก่ที่เติบโตท่ามกลางภูมิประเทศที่อุดมด้วยหิน galets roulés และดินทรายลึกของ Rhône Valley
ไวน์นี้คือการบอกเล่าผ่านกลิ่นและรสถึงเรื่องราวของศิลปะการทำไวน์แบบดั้งเดิม ที่ถูกขัดเกลาให้เข้ากับยุคสมัยใหม่อย่างสง่างาม
คาแรกเตอร์เด่น:
La Chasse des Princes โดดเด่นด้วยความนุ่มนวลของ Grenache ผสานความลึกของ Syrah และความดุดันแบบดินเผาของ Mourvèdre เป็นไวน์ที่กลมกล่อมแบบมีมิติ แทนนินเนียนละเอียด โครงสร้างชัดเจน มีทั้งพลังและความสง่างามในเวลาเดียวกัน
โน้ตการชิม:
กลิ่นเปิดด้วยลูกเกด พรุนแห้ง สมุนไพรป่า โกโก้ และอบเชยอ่อน ๆ ผสานกลิ่นดินและเครื่องเทศอบอุ่น รสชาติแน่นและเต็มปาก เนื้อไวน์เข้มแต่กลมกล่อม มีความสดจากผลไม้สุกและโทนไม้โอ๊คที่บ่มอย่างพอดี ให้ฟินิชยาวนานและลุ่มลึก
คำแนะนำจับคู่กับอาหาร
เหมาะกับเมนูเนื้อแดงตุ๋น เช่น แก้มวัวตุ๋นไวน์แดง, เป็ดอบซอสพริกไทยดำ, หรือ พาสต้าเนื้อซอสเข้มข้น สำหรับอาหารไทย แนะนำ แกงฮังเลหมู, เนื้อผัดฉ่ารสจัด, หรือ ไส้อั่วย่างถ่าน ที่มีกลิ่นเครื่องเทศและความมันจะเข้ากับโครงสร้างของไวน์ได้ดีเยี่ยม
6. Domaine Giraud Chateauneuf du Pape - Tradition
Domaine Giraud เป็นหนึ่งในชื่อที่น่าจับตามองของ Châteauneuf-du-Pape ในยุคใหม่ แม้จะก่อตั้งเพียงในช่วงปี 1970s แต่ตระกูล Giraud มีรากเหง้าทางการเกษตรและไร่องุ่นในพื้นที่นี้มายาวนานหลายศตวรรษ โดยรุ่นลูกหลานอย่าง Marie และ François Giraud ได้ผลักดันคุณภาพไวน์ให้โดดเด่นจนเป็นที่ยอมรับในวงการ
ไวน์รุ่น “Tradition” คือการแสดงออกถึงรากเหง้า ความเคารพใน terroir และการผลิตแบบฝรั่งเศสดั้งเดิมที่ไม่มีการประดิษฐ์เกินความจำเป็น—ให้ไวน์พูดแทนทุกอย่าง
คาแรกเตอร์เด่น:
เน้นความบริสุทธิ์ของผลไม้และความลึกของ Grenache (จากเถาเก่าอายุ 60–90 ปี) ผสาน Syrah และ Mourvèdre อย่างสมดุล ให้ไวน์ที่เต็มไปด้วยโครงสร้าง แต่คงไว้ซึ่งความกลมกล่อมและดื่มง่าย
โน้ตการชิม:
กลิ่นเด่นของผลไม้สีเข้ม เช่น แบล็กเชอร์รี่ ลูกพรุน พลัมแห้ง ผสานกลิ่นอบเชย พริกไทยดำ และสมุนไพร garrigue ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Rhône รสสัมผัสนุ่มแน่น แทนนินละเอียด สไตล์แบบ “power without heaviness” จบยาวอย่างมีพลังและความสมดุล
คำแนะนำจับคู่กับอาหาร
เหมาะอย่างยิ่งกับ แกงกะหรี่เนื้อ, หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๊ว, หรือ ซี่โครงแกะย่าง ในสไตล์ตะวันตกก็เข้ากันดีกับ coq au vin, คาโซเล่ต์, หรือ เป็ดอบเครื่องเทศ ที่เน้นความลึกและกลิ่นหอม
7. Delas Chateauneuf du pape "Haute Pierre"
Maison Delas ก่อตั้งในปี 1835 ถือเป็นหนึ่งในชื่อเก่าแก่และทรงอิทธิพลแห่ง Rhône Valley โดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของ Guigal Group ซึ่งยกระดับคุณภาพของแบรนด์ให้กลายเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
ไวน์รุ่น “Haute Pierre” ซึ่งแปลว่า “หินสูง” ได้รับแรงบันดาลใจจากลักษณะดินและหินลูกรัง (galets roulés) อันโดดเด่นของ Châteauneuf-du-Pape โดยเลือกใช้เถาองุ่นเก่าในตำแหน่งที่ดีที่สุด เพื่อสร้างไวน์ที่มีทั้งความสง่างามและพลังในสไตล์ดั้งเดิมของ Rhône
คาแรกเตอร์เด่น:
Haute Pierre โดดเด่นด้วยโครงสร้างแบบคลาสสิกของ Châteauneuf-du-Pape เน้น Grenache ที่กลมกล่อมและอบอุ่น ผสาน Syrah ที่มีความเผ็ดร้อนและลึก ให้ไวน์ที่มีทั้ง “พลัง” และ “ความกลมกล่อม” พร้อมศักยภาพในการบ่ม
โน้ตการชิม:
กลิ่นหอมของผลไม้สีแดงสุก พลัมแห้ง อบเชย และพริกไทยดำ ผสานกับกลิ่นเครื่องเทศตะวันออกและกลิ่นไม้โอ๊คเก่าที่ผ่านการบ่มใน foudres (ถังไม้ขนาดใหญ่) รสสัมผัสแน่นแต่เนียนนุ่ม มีความเป็นดินป่าและสมุนไพรพื้นเมือง (garrigue) พร้อมฟินิชยาวและชัดเจน
คำแนะนำจับคู่กับอาหาร
เข้ากันได้ดีกับอาหารรสเข้มทั้งยุโรปและไทย เช่น ซี่โครงหมูย่างซอสบาร์บีคิว, เป็ดตุ๋นซีอิ๊วดำ, หรือ เนื้อตุ๋นยาจีน ในสไตล์ฝรั่งเศสเหมาะกับ เนื้อแกะอบสมุนไพร, คาสซูเลต์, หรือ สตูว์เนื้อไวน์แดง
8. Famille Perrin Chateauneuf du Pape - Les Sinards
Famille Perrin คือชื่อที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในโลกของไวน์ Rhône โดยเฉพาะจากชื่อเสียงของ Château de Beaucastel ที่เป็นมรดกระดับ Grand Vin ไวน์รุ่น “Les Sinards” นี้ มาจากไร่องุ่นที่อยู่ใกล้ Beaucastel และดูแลโดยทีมเดียวกัน จึงเปรียบเสมือน “ไวน์น้อง” ที่มีเสน่ห์และคุณภาพโดดเด่นไม่แพ้พี่ใหญ่
“Les Sinards” ถูกผลิตขึ้นโดยใช้แนวคิดเดียวกับไวน์เรือธงของ Perrin: เคารพใน terroir, เก็บเกี่ยวด้วยมือ, บ่มด้วยความประณีต และให้ไวน์ที่สะท้อนภูมิภาค Châteauneuf-du-Pape อย่างลึกซึ้ง
คาแรกเตอร์เด่น:
ไวน์นี้โดดเด่นด้วยความนุ่มนวลของ Grenache ผสานความเผ็ดร้อนของ Syrah และโครงสร้างของ Mourvèdre ให้รสชาติที่กลมกล่อม มีเนื้อสัมผัสแน่นแต่ไม่แข็งกระด้าง เป็น Châteauneuf-du-Pape ที่ดื่มง่าย เข้าถึงได้ และคงไว้ซึ่งความสง่างามในแบบฉบับ Perrin
โน้ตการชิม:
กลิ่นหอมของเชอร์รี่ดำ มอเรลโล ราสเบอร์รี่แห้ง ตามด้วยกลิ่นเผ็ดอบอุ่นของพริกไทยดำ สมุนไพร garrigue และดอกไม้แห้ง รสชาติกลมกล่อม แทนนินเนียนละเอียด มีชั้นของผลไม้สุกปนกลิ่นไม้โอ๊คบาง ๆ และดินป่า จบยาวอย่างประณีต
คำแนะนำจับคู่กับอาหาร
เหมาะกับ เนื้อวัวอบซอสไวน์แดง, ไก่ตุ๋นเห็ดทรัฟเฟิล, หรือ เป็ดรมควันซอสเบอร์รี่ สำหรับอาหารไทย แนะนำ มัสมั่นไก่, พะแนงเนื้อ, หรือ หมูฮ้อง ที่มีความกลมกล่อมและเข้มข้นของรสชาติที่เข้ากันได้ดีกับโครงสร้างไวน์นี้
9. Domaine Duseigneur Catarina Chateauneuf du Pape
Domaine Duseigneur เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ได้รับการจับตามองอย่างมากจากสายตานักวิจารณ์ระดับโลก ด้วยแนวทางการทำไวน์แบบ biodynamic และแนวคิดที่ผสมผสานศาสตร์เก่าแก่กับจิตวิญญาณของธรรมชาติ “Catarina” ตั้งชื่อตามสมาชิกคนสำคัญในครอบครัว เป็นไวน์ที่เปี่ยมด้วยความรัก ความตั้งใจ และการเลือกใช้ผลผลิตจากไร่องุ่นที่ดีที่สุดในเขต Châteauneuf-du-Pape
ไร่องุ่นของ Duseigneur ตั้งอยู่บนพื้นที่หินลูกรัง (galets roulés) ซึ่งเป็น terroir ที่โดดเด่น ช่วยสร้างไวน์ที่มีทั้งโครงสร้าง ความซับซ้อน และพลังที่สง่างาม
คาแรกเตอร์เด่น:
Catarina เป็นไวน์ที่มีบุคลิกชัดเจน กลมกล่อม และลึกซึ้งจาก Grenache เถาเก่า ผสานพลังของ Syrah และ Mourvèdre ให้รสสัมผัสที่เข้มข้นแต่ยังคงความสมดุลอย่างน่าทึ่ง โดดเด่นด้วยสไตล์ “modern classic” ที่มีทั้งความละเมียดละไมและความทรงพลัง
โน้ตการชิม:
กลิ่นหอมเด่นของลูกพรุนสุก แบล็กเบอร์รี่ มะกอกดำ พริกไทยดำ และดอกไวโอเลต ตามด้วยกลิ่นรองของสมุนไพรป่า garrigue ชะเอม และแร่ธาตุจากหินปูน รสชาติแน่นเต็มปาก แทนนินเนียนละเอียด มีความนุ่มนวลบนโครงสร้างที่แข็งแกร่ง และฟินิชยาวอย่างลุ่มลึก
คำแนะนำจับคู่กับอาหาร
ไวน์นี้เหมาะกับเมนูโปรตีนเข้มข้น เช่น เนื้ออบไวน์แดง, ซี่โครงแกะย่างสมุนไพร, หรือ ไก่ย่างซอสพริกไทยดำ สำหรับอาหารไทย แนะนำ แกงเผ็ดเป็ดย่าง, หมูกรอบผัดพริกเกลือ, หรือ ขาหมูพะโล้สูตรจีน ที่มีความกลมกล่อมและกลิ่นเครื่องเทศจะเข้ากับไวน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
10. Maison de Grand Esprit La Mysteriale Chateauneuf du Pape
Maison de Grand Esprit เป็นแบรนด์ไวน์ฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ผสานจิตวิญญาณแห่งศิลปะและไวน์เข้าด้วยกัน ชื่อรุ่น “La Mystériale” หมายถึงความลึกลับน่าค้นหา เปรียบดั่งไวน์ที่บอกเล่าเรื่องราวของ Châteauneuf-du-Pape ด้วยภาษาของกลิ่น รส และความรู้สึก
แม้จะเป็นแบรนด์ใหม่ที่มุ่งเน้นความทันสมัยและเข้าถึงได้ แต่เบื้องหลังคือการคัดเลือกองุ่นจากไร่องุ่นชั้นดีในแคว้น Rhône โดยยึดหลักวิถีการทำไวน์ดั้งเดิม และความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน
คาแรกเตอร์เด่น:
ไวน์รุ่นนี้สะท้อนถึงความนุ่มลึกและเข้มข้นในแบบ Châteauneuf-du-Pape ที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าสำหรับผู้เริ่มต้น โดยยังคงโครงสร้างที่แน่นจาก Grenache, Syrah และ Mourvèdre ผสานความเป็น “new generation” ที่ดื่มง่าย สดชื่น แต่ไม่ขาดความลุ่มลึก
โน้ตการชิม:
กลิ่นหอมของผลไม้แดงสุก เช่น เชอร์รี่ พลัม และราสเบอร์รี่ ตามด้วยกลิ่นรองของวานิลลา เปลือกไม้โอ๊ค และพริกไทยดำ รสสัมผัสกลางถึงเต็ม ละมุนแต่มีโครงสร้างดี มีความเผ็ดอบอุ่นแบบสมุนไพรพื้นเมืองเล็กน้อย ฟินิชกลมกล่อมและสดชื่น
คำแนะนำจับคู่กับอาหาร
เหมาะกับอาหารที่มีรสเข้มแต่ไม่จัดเกินไป เช่น พาสต้าเนื้อซอสเข้ม, อกเป็ดย่างซอสเบอร์รี่, หรือ แฮมรมควันกับมันบดทรัฟเฟิล สำหรับอาหารไทย แนะนำ แกงเผ็ดไก่ใส่ลำไย, หมูกรอบผัดพริกหยวก, หรือ เนื้อน่องลายตุ๋นยาจีน ที่ให้รสกลมกล่อม