1. Opus One Vintage 2018

Opus One เป็นผลลัพธ์จากความร่วมมือเชิงประวัติศาสตร์ระหว่างบุคคลสำคัญสองท่านในโลกไวน์ ได้แก่ Baron Philippe de Rothschild แห่ง Château Mouton Rothschild ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์ชั้นสูงของฝรั่งเศส และ Mr. Robert Mondavi ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมไวน์แคลิฟอร์เนียที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ

ความร่วมมือนี้เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1979 ด้วยเป้าหมายในการสร้างไวน์ที่ผสานความประณีตแบบโลกเก่า (Old World) เข้ากับพลังแห่งดินฟ้าและสภาพอากาศของโลกใหม่ (New World) อย่าง Napa Valley

Opus One Vintage 2018 จัดเป็นหนึ่งในวินเทจที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในรอบทศวรรษ ด้วยสภาพอากาศใน Napa Valley ที่สมบูรณ์แบบตลอดฤดูกาล ช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีความสมดุล และความซับซ้อนทางรสชาติในระดับสูง

คาแรกเตอร์เด่น:

Opus One 2018 แสดงให้เห็นถึงการรังสรรค์ไวน์ที่มีความประณีตสูง ทั้งในด้านโครงสร้าง กลิ่น และรสสัมผัส ไวน์รุ่นนี้มีความสง่างามเชิงเทคนิคและความลุ่มลึกทางอารมณ์ในเวลาเดียวกัน

โดดเด่นด้วยกลิ่นผลไม้สีเข้ม เช่น แบล็กเคอร์แรนท์และลูกพรุน ผสานกับชั้นกลิ่นของดอกไม้แห้ง เครื่องเทศอบอุ่น และไม้โอ๊กคั่วอย่างกลมกล่อม โครงสร้างของไวน์มีความแม่นยำ แทนนินเนียนละเอียด และมีความสมดุลระหว่างรสชาติ ความสด และศักยภาพในการบ่มระยะยาว

เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสไวน์ระดับโลก ที่สามารถดื่มได้ตั้งแต่วันนี้ หรือจะเก็บไว้ในห้องเก็บไวน์เพื่อพัฒนาความซับซ้อนในระยะ 10–20 ปีก็ได้เช่นกัน

2. Luce Della Vite La Vite Lucente Toscana IGT

Lucente คือไวน์ที่ถือกำเนิดขึ้นภายใต้โครงการระดับโลกที่ชื่อว่า "Luce della Vite" ซึ่งเป็นความร่วมมืออันทรงเกียรติระหว่างสองตระกูลผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการไวน์ Marchesi de’ Frescobaldi แห่งทัสคานี และ Robert Mondavi แห่งแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

โครงการ Luce ก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1990 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างไวน์ที่สะท้อนถึง แสงและพลังแห่งชีวิต จากแผ่นดินแห่ง Brunello อย่าง Montalcino

ในขณะที่ “Luce” คือเรือธงหลักของแบรนด์ Lucente ก็เป็นดั่ง “ดาวรองที่เปล่งประกายไม่แพ้กัน” ไวน์ที่ให้ความเข้มข้นแต่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมเอกลักษณ์ของ Sangiovese ผสาน Merlot อย่างสมดุล

คาแรกเตอร์เด่น:

Lucente Toscana IGT แสดงออกถึงความนุ่มนวลของ Merlot และความมีโครงสร้างของ Sangiovese ไวน์รุ่นนี้มีบุคลิกที่ “ร่วมสมัย” แต่ยังคงความคลาสสิกตามแบบฉบับของทัสคานี

รสผลไม้สีแดงที่สดใส ผสานกลิ่นเครื่องเทศหวาน และสัมผัสของไม้โอ๊กที่ผ่านการบ่มอย่างประณีต ทำให้ Lucente เหมาะทั้งสำหรับการดื่มเดี่ยว หรือการจับคู่อาหารหลากหลายรูปแบบ

ความสมดุลระหว่างความสดชื่นและความกลมกล่อม ทำให้ไวน์ขวดนี้ “เปล่งประกาย” สมชื่อ

Amon-Ra คือหนึ่งในไวน์ที่เป็น “เรือธง” แห่งโลกชิราซออสเตรเลีย ผลิตโดย Ben Glaetzer นักทำไวน์รุ่นใหม่ผู้มากฝีมือ และสืบสายเลือดจากตระกูลผู้บุกเบิกวงการไวน์ใน Barossa Valley มาอย่างยาวนาน

ชื่อ Amon-Ra ได้แรงบันดาลใจจากเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์และการสร้างสรรค์ในตำนานอียิปต์โบราณ สื่อถึง “พลัง” และ “ความลุ่มลึก” ซึ่งสะท้อนผ่านไวน์ชิราซขวดนี้อย่างแท้จริง

เบนเลือกใช้เฉพาะองุ่น Shiraz จาก ไร่องุ่นเก่าที่มีอายุกว่า 100 ปี ในเขตเหนือของ Barossa ซึ่งให้ผลผลิตต่ำ แต่เข้มข้นสูง และบ่มในถังโอ๊กฝรั่งเศสคุณภาพสูงเพื่อสร้างไวน์ที่เต็มไปด้วยความลึก ความหรูหรา และความทรงพลัง

คาแรกเตอร์เด่น:

Amon-Ra คือ Shiraz ที่ทั้งเข้มข้น ละเอียด และเต็มไปด้วยพลัง กลิ่นหอมชัด รสจัดจ้าน แต่ยังคงความสมดุลและเนียนนุ่มของโครงสร้างไวน์ระดับโลก

ความพิเศษของ Amon-Ra คือการผสานระหว่าง ความลุ่มลึกของผลไม้สีเข้ม, กลิ่นเครื่องเทศอันซับซ้อน, และ สัมผัสโอ๊กที่กลมกลืน

เป็นไวน์ที่ “ดุดันด้วยพลัง” แต่ “นุ่มนวลด้วยความประณีต” — เหมาะสำหรับทั้งการดื่มในโอกาสพิเศษ และการบ่มเพื่ออนาคต

4. Chateau Carignan Prima (Premieres Cotes de bordeaux)

Château Carignan ตั้งอยู่ใน เขต Premières Côtes de Bordeaux ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ Garonne ปราสาทแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาย้อนกลับไปถึง ศตวรรษที่ 15 และถือเป็นหนึ่งในไร่องุ่นเก่าแก่ที่ยังคงสืบทอดการทำไวน์แบบดั้งเดิม

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของ Andy Lench ผู้มีวิสัยทัศน์ในการปรับปรุงไร่และกระบวนการผลิต Château Carignan ได้รับการปรับโฉมใหม่ ทั้งในแง่ของคุณภาพองุ่น การจัดการไร่ และการใช้เทคโนโลยีร่วมกับวิธีการทำไวน์แบบบอร์โดซ์ดั้งเดิม

Prima คือไวน์เรือธงของ Château Carignan — ผลิตจากองุ่นเก่าอายุเฉลี่ยกว่า 40 ปี โดยเน้นการแสดงออกถึง Merlot ที่นุ่มนวล ผสานความซับซ้อนของ Cabernet Sauvignon และ Cabernet Franc

คาแรกเตอร์เด่น:

Château Carignan Prima เป็นไวน์ Bordeaux สไตล์ฝั่งขวา (Right Bank) ที่ให้บุคลิกของ ความกลมกล่อม ความสง่างาม และการดื่มที่เข้าถึงได้ง่าย เป็นไวน์ที่สะท้อน terroir ของ Côtes de Bordeaux อย่างแท้จริง — ดินดานและหินปูนช่วยให้ผลไม้มีความเข้มข้น แต่ยังคงความสดใสและโครงสร้างที่สมดุล

ไวน์รุ่นนี้มักได้รับการเปรียบเทียบว่า “คุ้มค่าเกินราคา” ในหมู่นักดื่ม เพราะให้ความรู้สึกแบบ Grand Cru แต่มีราคาที่เข้าถึงได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นสนใจไวน์บอร์โดซ์ หรือผู้ที่มองหา ไวน์แดงสำหรับทุกโอกาส

5. Enzo Bartoli Langhe Nebbiolo DOC

Enzo Bartoli คือแบรนด์ไวน์ที่ถือกำเนิดขึ้นจากความตั้งใจของกลุ่มนักทำไวน์รุ่นใหม่ในแคว้น Piemonte ประเทศอิตาลี โดยต้องการสร้างไวน์ที่สะท้อนตัวตนของผู้คนท้องถิ่น — เรียบง่าย จริงใจ แต่ไม่ทิ้งความประณีตที่เป็นหัวใจของไวน์อิตาลี

แม้จะไม่มี "ปราสาท" หรือแบรนด์เก่าแก่ยาวนานเหมือนผู้ผลิตรายอื่นในภูมิภาค แต่ Enzo Bartoli กลับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่นักดื่มไวน์ยุคใหม่ ด้วยคอนเซปต์ “ไวน์ที่ดื่มได้จริงในทุกวัน” พร้อมดีไซน์โมเดิร์น และรสชาติที่เน้นสมดุลและการเข้าถึงง่ายโดยไม่เสียความลึกซึ้ง

Langhe Nebbiolo DOC ขวดนี้ผลิตจากองุ่น Nebbiolo ที่ปลูกในพื้นที่ Langhe ซึ่งอยู่ใกล้ Barolo และ Barbaresco จึงเป็นทางเลือกที่ “เข้าถึงง่ายกว่า” แต่ยังคงคุณลักษณะสำคัญของสายพันธุ์นี้ไว้อย่างครบถ้วน

คาแรกเตอร์เด่น:

Enzo Bartoli Langhe Nebbiolo คือไวน์แดงที่สะท้อนเอกลักษณ์ขององุ่น Nebbiolo ได้อย่างชัดเจน มีความหอมของดอกไม้ กลิ่นผลไม้สีแดง และโครงสร้างที่เรียบแต่ละเอียด

แทนนินมีอยู่ แต่ไม่ได้ดุดันเท่า Barolo หรือ Barbaresco จึงทำให้ดื่มง่ายกว่า เหมาะทั้งกับนักดื่มมือใหม่ และผู้ที่ต้องการไวน์เนบิโอโลที่ไม่ซับซ้อนเกินไปในทุกโอกาส

เป็น “ประตูแรก” สู่โลกของไวน์ Nebbiolo — ที่นุ่มนวลและเป็นมิตรกว่าที่คุณคิด

6. Tarapaca Gran Reserva Carmenere

Viña Tarapacá ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1874 ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งประเทศชิลี ตั้งอยู่ใน Maipo Valley แหล่งปลูกองุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก บริเวณเชิงเขา Andes อันอุดมไปด้วยดินภูเขาไฟ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งต่อการปลูกองุ่นสายพันธุ์ Carmenère ที่เคยสูญหายไปจากฝรั่งเศส แต่ได้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งที่ชิลี

Gran Reserva Carmenère ของ Tarapacá ผลิตจากองุ่นที่คัดสรรเฉพาะจากไร่ที่ดีที่สุด โดยมีการควบคุมอุณหภูมิและการบ่มในถังโอ๊กฝรั่งเศสเพื่อเสริมความลุ่มลึกและสมดุลของรสชาติ

คาแรกเตอร์เด่น:

Tarapacá Gran Reserva Carmenere คือไวน์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของ Carmenère ได้อย่างชัดเจน: หอมเครื่องเทศ กลมกล่อม และมีความนุ่มนวลเป็นเอกลักษณ์

แม้จะมีแทนนิน แต่ไม่ได้แข็งกระด้าง ทำให้ดื่มง่าย ทั้งยังแฝงความซับซ้อนที่ชวนค้นหาในทุกคำ รสชาติเข้มข้นของผลไม้สุกและพริกหวาน กลมกลืนกับสัมผัสของไม้โอ๊กอย่างประณีต

เป็นไวน์ที่ดื่มได้ทั้งในโอกาสพิเศษ หรือจะเสิร์ฟคู่มื้อเย็นแบบอบอุ่นในทุกค่ำคืนก็ลงตัว

7. Nollen Erben Mosel Riesling Spatlese

Nollen Erben เป็นผู้ผลิตไวน์จากภูมิภาค Mosel ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในแหล่งปลูก Riesling ที่โด่งดังที่สุดในโลก ภูมิประเทศริมแม่น้ำ Mosel มีความลาดชันและแร่ธาตุในดินสูง ทำให้ได้องุ่นที่มีโครงสร้างรสชาติซับซ้อน และมี “ความสดใส” ที่เป็นเอกลักษณ์ของไวน์เยอรมัน

คำว่า Spätlese ในภาษาเยอรมันหมายถึง “Late Harvest” หรือการเก็บเกี่ยวช้ากว่าปกติ ซึ่งทำให้องุ่นมีน้ำตาลธรรมชาติสูงขึ้น ส่งผลให้ไวน์มีความหวานธรรมชาติอ่อน ๆ แต่ยังคงความสดจากกรดธรรมชาติ

คาแรกเตอร์เด่น:

Nollen Erben Riesling Spätlese เป็นตัวแทนของไวน์ขาวที่เปี่ยมด้วย ความหอม ความกลมกล่อม และความสมดุลของรสชาติ

ความหวานจากการเก็บเกี่ยวช้าไม่ได้ทำให้ไวน์ขวดนี้หนักหรือเลี่ยน แต่กลับช่วยให้กลมกลืนกับความเปรี้ยวของ Riesling อย่างลงตัว เหมาะทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นดื่มไวน์ ไปจนถึงนักดื่มที่ชื่นชอบสไตล์ “อ่อนโยนแต่ลึกซึ้ง”

เป็นไวน์ที่เหมาะสำหรับ การจิบคู่กับอาหารไทย หรือใช้ต้อนรับแขกในโอกาสพิเศษ ได้อย่างไร้ที่ติ

8. Dr Loosen Erdener Treppchen Riesling Kabinett

Dr. Loosen เป็นหนึ่งในชื่อที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกของไวน์ Riesling ดำเนินกิจการโดยครอบครัวมาแล้วกว่า 200 ปี บนไร่องุ่นริมแม่น้ำ Mosel ที่เป็นหนึ่งในแหล่งปลูก Riesling ชั้นนำของโลก

Erdener Treppchen คือชื่อไร่เก่าแก่ที่มีความหมายว่า “ขั้นบันไดแห่ง Erden” เป็นไร่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ลาดชันมาก และเต็มไปด้วยดินหินชนวนสีแดง (red slate) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสะสมความร้อนและสร้างรสชาติที่เข้มข้นให้กับองุ่น

ไวน์ระดับ Kabinett คือไวน์ที่ผลิตจากการเก็บเกี่ยวในช่วงปกติ ให้ไวน์ที่เบา สด และมีกลิ่นหอมมาก

คาแรกเตอร์เด่น:

Dr. Loosen Erdener Treppchen Kabinett แสดงถึง ความประณีต ละเอียดอ่อน และความเป็นเอกลักษณ์ ของไร่องุ่นที่ปลูกบนดินหินชนวน

ไวน์ขวดนี้เต็มไปด้วยพลังจากผลไม้ แร่ธาตุ และกรดธรรมชาติที่สูงในแบบ Mosel โดยมีรสสัมผัสที่บางเบาแต่สง่างาม และกลิ่นที่สดชื่นชวนหลงใหล

เป็นไวน์ที่เหมาะสำหรับทั้งการจิบเพื่อผ่อนคลาย หรือการจับคู่กับอาหารที่ซับซ้อนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

9. Brancott Estate Letter Series "B" Sauvignon Blanc (750 ml)

Brancott Estate คือชื่อแรกที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์การปลูก Sauvignon Blanc แห่ง Marlborough ประเทศนิวซีแลนด์
โดยในปี ค.ศ. 1975 พวกเขาคือผู้กล้ารายแรกที่ปลูกองุ่นสายพันธุ์นี้ในพื้นที่ซึ่งไม่มีใครเชื่อว่าจะเหมาะกับไวน์ขาวเลยในขณะนั้น

ผลลัพธ์ที่ได้คือ “การพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของ Sauvignon Blanc” — ด้วยไวน์ที่มีกลิ่นหอมจัดจ้าน รสสดใส และโครงสร้างที่ทันสมัย

ไวน์จาก Marlborough จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของโลกแห่ง Sauvignon Blanc และ Brancott Estate ก็เป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

Letter Series “B” คือซีรีส์พิเศษที่คัดสรรจากแปลงองุ่นคุณภาพดีที่สุดของไร่ โดยไวน์รุ่นนี้เป็น “ตัวแทนความภาคภูมิใจ” ของแบรนด์ ที่สื่อถึงต้นกำเนิดแห่งนวัตกรรมไวน์ขาวนิวซีแลนด์

คาแรกเตอร์เด่น:

ไวน์รุ่นนี้โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมสดชัดเจนของผลไม้เขตร้อน เช่น เสาวรส, กีวี, และเกรปฟรุต ผสานกลิ่นของสมุนไพรสดและหญ้าเขียว ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของ Sauvignon Blanc สไตล์ Marlborough

โครงสร้างไวน์มีความชัดเจน กรดสูงแบบสดใส เคลือบเพดานปากด้วยความกรุบกรอบ ให้ความรู้สึกทั้ง “คม ชัด และบริสุทธิ์” ในแบบที่นักดื่มไวน์ทั่วโลกหลงรัก

เป็นไวน์ขาวที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนรักรสสดและความมีชีวิตชีวาในทุกคำ

10. Zonin Lambrusco

Zonin คือหนึ่งในผู้ผลิตไวน์รายใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของประเทศอิตาลี ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1821 โดยตระกูล Zonin ในแคว้น Veneto แต่ขยายกิจการไปยังหลายแหล่งปลูกไวน์สำคัญทั่วอิตาลี

Lambrusco คือไวน์ที่ผลิตจากองุ่นพื้นถิ่นสายพันธุ์เดียวกันในแคว้น Emilia-Romagna ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี และเป็นหนึ่งในไวน์อิตาลีที่คนดื่มมากที่สุดในประเทศเอง

คาแรกเตอร์เด่น:

Zonin Lambrusco เป็นไวน์ Sparkling Red (ไวน์แดงมีฟอง) ที่ดื่มง่าย สดชื่น และมีระดับความหวานอ่อน ๆ แบบกึ่งแห้ง (semi-sweet) รสชาติสดใสเต็มไปด้วยผลไม้แดง กลิ่นดอกไม้ และฟองละเอียดที่ช่วยกระตุ้นความสดในปาก

แม้จะเป็นไวน์แดง แต่กลับเสิร์ฟแบบเย็นและดื่มได้ง่าย จึงเหมาะกับสภาพอากาศเขตร้อน และวัฒนธรรมการกินอาหารแบบหลากรสของเอเชีย

เหมาะทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นดื่มไวน์ หรือผู้ที่ต้องการไวน์แดงเบา ๆ สำหรับวันสบาย ๆ