Provence ต้นกำเนิดของไวน์โรเซ่

Provence (โพรวองซ์) คือแคว้นทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ที่โอบล้อมด้วยทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและลม mistral เย็นจากเทือกเขาแอลป์ ที่นี่คือ “ดินแดนแห่งแสงแดด” ที่มากกว่า 300 วันต่อปี และเต็มไปด้วยดินหินปูน แร่ธาตุ และวัฒนธรรมเก่าแก่กว่าพันปี

หาก Bordeaux คืออาณาจักรของไวน์แดง และ Champagne คือราชินีของฟองฟู่…
Provence คือบ้านแท้จริงของ Rosé ไวน์ที่ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ยุคโรมัน และกลายเป็นเครื่องดื่มที่สะท้อนจิตวิญญาณของชายฝั่งฝรั่งเศสอย่างลึกซึ้ง

Côtes de Provence Rosé เอกลักษณ์แห่งแคว้น

ไวน์ Côtes de Provence Rosé (โก๊ต เดอ โพรวองซ์ โรเซ่) คือชื่อเรียกของไวน์โรเซ่ภายใต้ระบบ AOC (Appellation d’Origine Contrôlée) ที่กำหนดพื้นที่และคุณภาพการผลิตไวน์ของฝรั่งเศส

Rosé จากที่นี่มีความพิเศษ 3 ประการ

1. สีอ่อนซีดดั่งเปลือกหอย – สีชมพูแบบ “blush” ที่ได้จากการแช่เปลือกองุ่นช่วงสั้น

2. กลิ่นผลไม้สด + ดอกไม้จาง ๆ – กลิ่นของพีช สตรอว์เบอร์รี ลาเวนเดอร์ และซิตรัส

3. รสสัมผัสที่สดชื่นแต่มีชั้นเชิง – มีความแห้ง (dry) แต่ไม่ขาดเสน่ห์ และมักมีโน้ตแร่เบา ๆ ที่สะท้อน terroir ของ Provence ได้ดีเยี่ยม

องุ่นที่นิยมใช้ได้แก่ Grenache, Cinsault, Syrah และ Rolle (Vermentino) ซึ่งผสมกันอย่างประณีตในแต่ละปี

ทำไมทั่วโลกถึงหลงรัก Provence Rosé

✔ ดื่มง่าย แต่ไม่ธรรมดา – Rosé จาก Provence มีสมดุลระหว่างกลิ่นผลไม้สดกับความแห้ง ทำให้เหมาะกับทั้งมือใหม่และนักดื่มเชิงลึก

✔ สะท้อนฤดูร้อนในฝรั่งเศส – ไม่มีไวน์ชนิดใดที่พูดถึง “การพักผ่อนริมทะเล” ได้เท่า Rosé สีซีดจากฝั่ง Côte d’Azur

✔ จับคู่กับอาหารได้หลากหลาย – ไม่ว่าจะเป็นสลัดปลาย่าง อาหารไทยรสกลม หรือแฮม-ชีสแบบฝรั่งเศส Rosé Provence คือเพื่อนร่วมโต๊ะที่ดีที่สุด

หากคุณยังไม่เคยลอง... 

ให้ไวน์โรเซ่จาก Provence เป็น “ประตูบานใหม่” สู่โลกของไวน์ที่เบาแต่ลึก งามแต่ไม่เยอะ และดื่มแล้ว “รู้สึกได้ถึงฤดูร้อนบนลานหินสีขาวในหมู่บ้านฝรั่งเศส”

1. Chateau d'Esclans Whispering Angel Rosé

Whispering Angel ไม่ได้เป็นเพียงแค่ Rosé ที่ขายดีที่สุดในโลก แต่ยังเป็น "ทูตแห่ง Provence" ที่พาผู้คนทั่วโลกหลงใหลในเสน่ห์ของไวน์โรเซ่สีซีดจากแดนใต้ของฝรั่งเศส

ไวน์ขวดนี้ผลิตที่ Château d’Esclans ปราสาทเก่าแก่จากศตวรรษที่ 19 ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขาในใจกลางแคว้น Provence โดยมี Sacha Lichine ทายาทผู้ปลุกตำนาน Bordeaux เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของไวน์รุ่นนี้ ด้วยวิสัยทัศน์ที่อยากให้โลก “เปิดใจรับ Rosé ในฐานะไวน์จริงจัง” ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มหน้าร้อน

Whispering Angel จึงเกิดขึ้นในปี 2006 ด้วยแนวคิด "ดื่มง่าย แต่ทำยาก" ใช้การคัดสรรองุ่นมือจากไร่คุณภาพสูงใน Côtes de Provence และผ่านการหมักแบบมีการควบคุมอุณหภูมิอย่างละเอียดในถังสแตนเลส เพื่อคงกลิ่นหอมผลไม้สดและความละมุนที่สุดในทุกจิบ

คาแรกเตอร์เด่น:

Whispering Angel โดดเด่นด้วยโทนสีชมพูซีดแบบ Blush ที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Rosé Provence แต่ภายในนั้นซ่อนความมีชีวิตชีวาแบบ dry rosé ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ของผลไม้สด ดอกไม้ และแร่เบา ๆ ที่ทำให้ไวน์นี้ทั้งดื่มง่ายและมีความละเอียด

มันไม่ได้หวาน ไม่ซับซ้อนเกินไป แต่มี ความกลมกล่อมที่ลงตัวระหว่างความสดชื่น ความบางเบา และโครงสร้างที่ดี – เหมาะทั้งกับการดื่มกลางวัน ริมสระ หรือดินเนอร์โรแมนติกใต้แสงเทียน

ไวน์รุ่นนี้เปรียบเสมือน “เสียงกระซิบ” ที่แม้แผ่วเบาแต่คงอยู่ในใจ… เหมาะสำหรับคนที่รักไวน์โรเซ่หรือกำลังจะตกหลุมรักเป็นครั้งแรก

โน้ตการชิม:

สี: ชมพูอ่อนซีดแบบไข่มุก

กลิ่น: ผลไม้ตระกูลเบอร์รี แพร์ขาว ดอกกุหลาบ มะนาว และโน้ตแร่จาง ๆ

รสสัมผัส: สดชื่น มีโครงสร้างดี ดื่มง่าย ไม่หวาน แต่มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล

ตอนจบ: เบา คลีน สดใส เหลือกลิ่นหอมของผลไม้และแร่จาง ๆ ติดปลายลิ้นอย่างมีเสน่ห์

2. Minuty M Rosé

Minuty M Rosé ถือกำเนิดจากไร่องุ่นที่ตั้งอยู่บนเนินเขาริมทะเล Saint-Tropez ในภูมิภาค Côtes de Provence ซึ่งเปรียบเสมือน “ราชินีแห่งริเวียร่า” ของไวน์โรเซ่ฝรั่งเศส

แบรนด์ Minuty มีประวัติยาวนานกว่า 85 ปี ก่อตั้งโดยครอบครัว Matton-Farnet และเป็นหนึ่งในไม่กี่โปรดิวเซอร์ที่ยังคงครอบครองสถานะ “Cru Classé” อันทรงเกียรติของ Provence ไวน์รุ่น “M” คือคอลเลกชันที่เปิดประตูให้ผู้คนทั่วโลกสัมผัสความหรูหราแบบเรียบง่ายในสไตล์ South of France ได้อย่างเข้าถึง

M Rosé ใช้องุ่น Grenache, Cinsault และ Syrah จากไร่ใกล้ทะเล ผสมผสานกับเทคนิคการกลั่นเย็นที่ทำให้ได้ไวน์ที่สดใส เบา และมีชีวิตชีวาในแบบที่ Provence เท่านั้นจะให้ได้

คาแรกเตอร์เด่น:

Minuty M Rosé เปรียบเหมือนสาวสวยริมริมหาดที่เดินอย่างมั่นใจ – เบา สดใส มีเสน่ห์ และเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต

ไวน์รุ่นนี้เน้นความ fruity-forward ที่สดใหม่ โดดเด่นด้วยผลไม้ตระกูลส้มและลูกพีชขาว พร้อมสัมผัสของแร่ที่มาจากดินใกล้ทะเล ดื่มแล้วให้ความรู้สึก “ซัมเมอร์ตลอดปี” เหมาะอย่างยิ่งกับการจิบกลางวันในสวนหรือบนเรือยอชต์ริม French Riviera

เป็น Rosé ที่ไม่ซับซ้อนเกินไป แต่ดูดีและ “แฟชั่น” มาก — ดื่มแล้วให้ความรู้สึกสะอาด สดชื่น และชวนให้อารมณ์ดีในทุกแก้ว

โน้ตการชิม:

สี: ชมพูอ่อนแบบแซลมอนใสสะอาด

กลิ่น: พีชขาว แอปริคอต ดอกส้ม ส้มแมนดาริน และเปลือกเกรปฟรุต

รสสัมผัส: สดชื่น ดื่มง่าย มีกรดธรรมชาติช่วยให้โครงสร้างสดใส พร้อมกลิ่นผลไม้แบบสด

ตอนจบ: สั้นถึงกลาง สดใหม่ เหลือกลิ่นพีชและส้มติดปลายลิ้นในแบบที่อยากยกอีกแก้วทันที

3. Maison de Grand Esprit L’Être Magique Côtes de Provence Rosé

Maison de Grand Esprit เป็นแบรนด์ไวน์ฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิด “การผสานศิลปะและธรรมชาติ” เพื่อรังสรรค์ไวน์ที่ทั้งดื่มง่ายและเปี่ยมไปด้วยเรื่องราว

รุ่น L’Être Magique (“เลแตร์ มา-ชีก”) ซึ่งแปลว่า “สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์” เป็นไวน์ Rosé จากเขต Côtes de Provence ที่สะท้อนถึงเสน่ห์อันลึกลับของธรรมชาติโพรวองซ์ ตั้งแต่กลิ่นดอกไม้ในยามเช้า ไปจนถึงกลิ่นแร่ของดินที่รับแสงแดดอย่างเต็มที่

ไวน์รุ่นนี้ใช้องุ่น Grenache, Cinsault และ Syrah จากแหล่งปลูกที่ใกล้ทะเลและภูเขา ทำให้ได้รสสัมผัสที่สดชื่น เบา แต่มีมิติ – เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบไวน์โรเซ่ที่ “มีบุคลิก” และให้ประสบการณ์ที่มากกว่าความสดชื่น

คาแรกเตอร์เด่น:

L’Être Magique ไม่ได้เป็นเพียงไวน์โรเซ่ที่สดชื่นเท่านั้น แต่ยังให้กลิ่นอายของโพรวองซ์แท้ ๆ ในทุกจิบ

ไวน์รุ่นนี้มีความ delicate ที่หรูหราแบบไม่โอ้อวด โดดเด่นด้วยโน้ตของสตรอว์เบอร์รีป่า พีชขาว ดอกลาเวนเดอร์ และเปลือกเลมอน พร้อมความแร่เล็กน้อยที่ทำให้ไวน์มี aftertaste ที่ “สะอาด” และ “โปร่ง”

เหมาะสำหรับคนที่ชอบไวน์โรเซ่สไตล์อ่อนโยน นุ่มนวล และต้องการดื่มไวน์ที่มีทั้งความโรแมนติกและจินตนาการ

โน้ตการชิม:

สี: ชมพูพีชใสแบบ salmon rose

กลิ่น: สตรอว์เบอร์รีป่า ลาเวนเดอร์ เปลือกเลมอน และกลิ่นแร่บาง ๆ

รสสัมผัส: นุ่ม สดชื่น รสผลไม้เบา ๆ เคล้ากับกลิ่น floral และ citrus อย่างละเมียด

ตอนจบ: เบา สะอาด โปร่งใส เหมือนสายลมเย็นในยามบ่ายของฤดูใบไม้ผลิ

4. Mirabeau Étoile Provence Rosé

Maison Mirabeau ก่อตั้งขึ้นโดยครอบครัว Cronk จากอังกฤษที่ย้ายถิ่นฐานมาใช้ชีวิตในแคว้น Provence ด้วยความหลงใหลในวัฒนธรรมการทำไวน์โรเซ่ พวกเขาสร้าง Mirabeau ด้วยเป้าหมายเดียวคือ “ทำไวน์โรเซ่ที่สง่างามที่สุดในโลก” โดยผสานความประณีตในฝรั่งเศสเข้ากับวิสัยทัศน์แบบสากล

รุ่น Étoile (แปลว่า “ดาว”) ถือเป็นรุ่นไฮเอนด์ที่สะท้อนความหรูหราผ่านทั้งบรรจุภัณฑ์และรสสัมผัส ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเก็บเกี่ยวจนถึงการบ่ม ล้วนออกแบบมาเพื่อสร้างโรเซ่ที่ “เบา งดงาม และสง่างาม” – เหมาะกับทุกช่วงเวลาที่คุณต้องการความพิเศษ

คาแรกเตอร์เด่น:

Mirabeau Étoile Rosé เปล่งประกายด้วยสไตล์ที่ “น้อยแต่มาก” – มีความละเอียดอ่อนในกลิ่นผลไม้ขาวและเบอร์รีแดงจาง ๆ เคล้ากลิ่นดอกไม้ป่าและเปลือกส้มบาง ๆ

เนื้อไวน์นุ่มละมุน แห้งแบบคลาสสิกฝรั่งเศส แต่ยังคงความสดของผลไม้ไว้อย่างกลมกล่อม เหมาะสำหรับทั้งจิบเปล่า หรือจับคู่กับเมนูอาหารทะเลแบบมีสไตล์ หรือสลัดซิตรัสในฤดูร้อน

นี่คือไวน์โรเซ่ที่ “ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มเย็น ๆ” แต่เป็นเครื่องหมายของรสนิยมและช่วงเวลาที่ควรจดจำ

โน้ตการชิม:

สี: ชมพูซีดแบบ rose gold ประกายเงิน

กลิ่น: เบอร์รีแดงจาง ๆ ส้มแมนดาริน เปลือกเลมอน และลาเวนเดอร์

รสสัมผัส: แห้ง โปร่ง เบา แต่มีความนวลของผลไม้และสมุนไพรฝรั่งเศสบาง ๆ

ตอนจบ: คม สะอาด และหอมสดชื่นแบบ citrus floral ติดปลายลิ้น

5. Domaines Ott Étoile Rosé

Domaines Ott ก่อตั้งขึ้นในปี 1912 โดย Marcel Ott วิศวกรผู้มีวิสัยทัศน์จากแคว้น Alsace ที่ตกหลุมรัก Provence จนตัดสินใจสร้างไร่องุ่นของตัวเองขึ้นที่นี่
ตลอดกว่าศตวรรษที่ผ่านมา Ott ได้รับการยกย่องว่าเป็น “หนึ่งในผู้ปลุกตำนาน Rosé Provence” จนกลายเป็นแบรนด์ไวน์โรเซ่ระดับไอคอน ที่นักสะสมและผู้ชื่นชอบไวน์ทั่วโลกยอมรับในความปราณีต ความบริสุทธิ์ และรสสัมผัสอันทรงพลังแบบมีชั้นเชิง

รุ่น Étoile คือ “ดาวประดับ” ของ Domaines Ott — ผลงานที่รวมเอาองุ่นจากสามแหล่งปลูกหลักในครอบครัว (Clos Mireille, Château Romassan และ Château de Selle) มาผสานเป็นไวน์รุ่นเดียวที่สะท้อน “สไตล์ของทั้ง Provence” ได้อย่างลึกซึ้ง

คาแรกเตอร์เด่น:

Domaines Ott Étoile Rosé คือ rosé ที่มีโครงสร้างมากกว่าไวน์โรเซ่ทั่วไป กลิ่นหอมของลูกพีชขาว ผลไม้เปลือกบาง ดอกไม้ป่า และเปลือกส้ม มาพร้อมความเคร่งขรึมของแร่และกลิ่นหินจากภูมิประเทศริมทะเล

เป็น rosé ที่มีความลึก รสชาติซับซ้อน ไม่ใช่เพียงไวน์สดชื่นสำหรับช่วงบ่าย แต่เป็นไวน์ “ที่มีน้ำเสียงของตัวเอง” เหมาะสำหรับผู้ที่เข้าใจไวน์โรเซ่อย่างแท้จริง และพร้อมจะจิบไวน์นี้คู่กับ fine cuisine ระดับ Michelin star ได้อย่างสมศักดิ์ศรี

โน้ตการชิม:

สี: ชมพูอ่อนประกายทองอมส้ม

กลิ่น: ลูกพีชขาว เปลือกเลมอน น้ำผึ้ง ดอกไม้แห้ง และแร่จากหินทะเล

รสสัมผัส: ละเมียด นวล มีความเปรี้ยวสดของ citrus ผสานกลิ่นถังไม้และแร่เบา ๆ

ตอนจบ: ยาวนาน หรูหรา และสง่างาม พร้อมกลิ่นหอมดอกไม้ขาวที่ยืนอยู่บนแผ่นดิน Provence