แชมเปญทุกขวด ควรดื่มในแก้วฟลูตจริงหรือ?
ถ้าพูดถึงแชมเปญ ภาพที่หลายคนคุ้นตาที่สุดคือ “แก้วทรงสูงเรียวบาง” หรือที่เรียกว่า “ฟลูต (Flute)” – แก้วทรงสวยที่ทำให้ฟองซ่าลอยเป็นเส้นตรงพุ่งขึ้นมาอย่างสง่างาม
จุดเริ่มต้นของ แก้วฟลูต นั้นไม่ได้มาจากคุณสมบัติด้านรสชาติ แต่เป็นเพราะ ความสวยงามของการโชว์ฟอง และความ “หรูหรา” ในภาพลักษณ์ที่เหมาะกับการฉลอง โดยเฉพาะในยุคศตวรรษที่ 20 ที่ต้องการความทันสมัยและสง่างาม
แต่คำถามคือ… ฟลูตคือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการดื่มแชมเปญหรือไม่? หรือจริงๆ แล้วมันอาจ “จำกัด” ศักยภาพของแชมเปญบางขวดไว้?
ทำไม “แก้วไวน์” ถึงเปลี่ยนรสชาติของแชมเปญได้?
นักวิทยาศาสตร์ด้าน sensory science พบว่า รูปร่างของแก้วไวน์มีผลโดยตรงต่อทั้ง “กลิ่น”, “สัมผัส” และ “ฟอง” ในแชมเปญ
การวิจัยจากมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส เช่น Université de Reims Champagne-Ardenne พบว่า:
1. ฟองแชมเปญ = ตัวขนส่งกลิ่น
⦿ ฟองในแชมเปญไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ ทำหน้าที่ "พากลิ่น" ของแชมเปญขึ้นมาสู่จมูก
⦿ ยิ่งฟองแตกบนผิวน้ำมากเท่าไหร่ กลิ่นก็ยิ่งชัดเจน
ในแก้วฟลูต ฟองจะลอยนาน แต่มีพื้นที่ผิวน้ำแคบ → กลิ่นกระจายได้น้อย
ในแก้ว Tulip / แก้วไวน์ขาว ผิวน้ำกว้างกว่า → ฟองปลดปล่อยกลิ่นมากขึ้น
2. พื้นที่หน้าตัดของแก้ว = พื้นที่ที่กลิ่นลอยตัวได้
⦿ แก้วฟลูต มี “surface area” เล็กมาก → กลิ่นบางชนิด เช่น brioche, almond, toast ในแชมเปญที่บ่มยาวจะไม่ลอยขึ้นมา
⦿ แก้วไวน์ทรงไข่ มีบริเวณที่เรียกว่า aroma chamber ที่ช่วย “ขังกลิ่น” ไว้ก่อนพุ่งเข้าจมูก ทำให้รับรู้กลิ่นได้ลึกและละเอียดกว่า
3. อุณหภูมิไวน์ และการระบาย CO₂
⦿ CO₂ (ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากฟอง) มีปฏิสัมพันธ์กับอุณหภูมิและรูปทรงของแก้ว
⦿ แก้วไวน์ขาวหรือ tulip ช่วย “ควบคุมอุณหภูมิ” ได้ดีขึ้นเมื่อจับฐานแก้ว และทำให้ CO₂ ปล่อยอย่างสม่ำเสมอ ไม่พุ่งแรงเกินไปเหมือนใน flute
ผลที่ได้คือ กลิ่นหอมละเอียดขึ้น รสสัมผัสนุ่มนวลขึ้น และโครงสร้างของแชมเปญเปิดชัดเจนขึ้น
ฟองในแก้วฟลูต vs แก้วไวน์ขาว
งานวิจัยจาก INRA (National Institute for Agricultural Research, France) แสดงให้เห็นว่า:
⦿ ในแก้วฟลูต ฟองจะคงอยู่ได้นานกว่า → ดีต่อความซ่า
⦿ แต่ในแก้วไวน์ กลิ่นที่ปล่อยออกมาใน 1 นาทีแรก มากกว่า แก้วฟลูตถึง 3 เท่า
⦿ นอกจากนี้ ฟองในแชมเปญ premium จะเล็กและละเอียด → ต้องใช้แก้วที่ “เปิดพื้นที่” ให้ฟองแตกอย่างอ่อนโยน
ข้อสรุปของงานวิจัย:
“สำหรับแชมเปญที่คุณอยากดื่มเพื่อรสชาติ ไม่ใช่แค่ฟอง – ควรใช้แก้ว Tulip หรือ White Wine แทน Flute”
ถ้าเลือกผิด…รสชาติจะหายไปจริงไหม?
ในทางวิทยาศาสตร์ “ใช่” เพราะการใช้แก้วไม่เหมาะสมจะ ทำให้คุณรับรู้ได้เพียง 60–70% ของกลิ่นและรสทั้งหมด
โดยเฉพาะแชมเปญประเภท:
⦿ Vintage (บ่ม 5–10 ปี)
⦿ Prestige Cuvée (Dom Pérignon, Cristal, Krug)
⦿ Blanc de Noirs (มี body และโครงสร้างแน่น)
แชมเปญเหล่านี้มีชั้นกลิ่นที่ซับซ้อนซึ่งจำเป็นต้อง "เปิด" ด้วยการให้สัมผัสอากาศที่เพียงพอ
“ถ้าเปรียบไวน์เหมือนดนตรี… แก้วฟลูตคือหูฟังข้างเดียว แก้ว Tulip คือระบบเสียงสเตอริโอสมบูรณ์”
ฟลูต – เหมาะกับแชมเปญแบบไหน?
ข้อดีของแก้วฟลูต:
⦿ รักษาฟองให้ซ่าได้นาน
⦿ รูปทรงสูงช่วยให้ฟองลอยเป็นสายสวยงาม
⦿ เหมาะกับแชมเปญสาย “สดชื่น” เช่น Brut, Extra Brut, Prosecco, หรือ Cava
ข้อควรจำของแก้วฟลูต:
⦿ พื้นที่รับกลิ่นมีน้อย ทำให้กลิ่นแชมเปญที่ซับซ้อน (เช่น vintage หรือ aged Champagne) ไม่ได้แสดงตัวเต็มที่
⦿ การสัมผัสอากาศน้อยเกินไป ทำให้รสชาติไม่ “เปิด” อย่างที่ควร
ถ้าคุณดื่มแชมเปญเพื่อความสดชื่น ฉลอง สนุกสนาน – แก้วฟลูตก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีและสวยงาม
แต่ถ้าแชมเปญของคุณคือ vintage, prestige cuvée, หรือมีการบ่มยาวนาน – คุณอาจพลาดประสบการณ์สำคัญหากยังใช้แก้วฟลูต
แก้วทรงไหนดีสำหรับแชมเปญพรีเมียม?
1. Tulip Glass (แก้วทรงทิวลิป)
รูปทรงคล้ายฟลูตแต่ “ป่องกลาง” และ “บานบนเล็กน้อย”
⦿ ช่วยรวบรวมกลิ่นหอมให้ส่งตรงจมูก
⦿ รักษาฟองได้ดีพอๆ กับฟลูต
⦿ เหมาะกับ Champagne คุณภาพสูงทุกระดับ
แก้วไวน์ขาว ธรรมดาที่มีปากกว้างและรูปทรงไข่
⦿ เหมาะกับแชมเปญสายซับซ้อน เช่น vintage, blanc de blancs, หรือ blanc de noirs
⦿ ช่วยให้สัมผัสได้ถึงชั้นของกลิ่นและเนื้อสัมผัสแบบเต็มที่
⦿ นิยมในร้าน Fine Dining และโดยซอมเมอลิเย่ร์มืออาชีพ
3. แก้ว Universal Wine Glass
แก้วอเนกประสงค์ที่เหมาะกับทั้งแดงและขาว
⦿ ทางเลือกที่ดีสำหรับบ้านที่ไม่อยากมีแก้วหลายแบบ
⦿ ใช้ได้ดีทั้งกับแชมเปญที่เน้นโครงสร้างและกลิ่นรสลึก
แชมเปญประเภทไหน ควรเสิร์ฟในแก้วอะไร?
Brut / Extra Brut / Non-vintage: Flute หรือ Tulip
Vintage Champagne: Tulip หรือ White Wine Glass
Prestige Cuvée (Dom Pérignon, Krug, Cristal): White Wine Glass หรือ Universal Glass
Rosé Champagne: Tulip หรือ White Wine Glass
Blanc de Blancs: White Wine Glass (เพื่อปลดปล่อยกลิ่น citrus & mineral)
Blanc de Noirs: Tulip หรือ Universal Glass (เน้น body & complexity)
< Explore : Riedel Performance Champagne >
ข้อเท็จจริงจากซอมเมอลิเย่ร์
⦿ Sommelier ระดับโลก เช่น Richard Juhlin, Gerard Basset, และ Eric Zwiebel นิยมใช้แก้วไวน์ขาวหรือ tulip มากกว่า flute สำหรับการชิมแชมเปญจริงจัง
⦿ ในงาน Grand Tasting ของแบรนด์ดัง เช่น Bollinger, Billecart-Salmon หรือ Louis Roederer มักใช้แก้วไวน์ขาวเพื่อให้คนชิมรับรู้กลิ่นได้ชัดเจน
< Explore : Riedel Veloce Champagne Wine Glass (Pack 2 piece) >
ฟลูตดี แต่ไม่ใช่คำตอบเดียว
⦿ ฟลูตเหมาะกับแชมเปญสายสดชื่น เน้นฟองและความ celebration
⦿ แชมเปญระดับสูงควรดื่มในแก้วที่ “เปิดกลิ่น” ได้ดี เช่น Tulip หรือ White Wine Glass
⦿ การเลือกแก้วที่เหมาะสม = การเปิดประสบการณ์ใหม่ของแชมเปญที่คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ในขวดนั้น
ลองเปลี่ยนแก้วดูสักครั้ง แล้วคุณจะเข้าใจว่า… แชมเปญที่ดีไม่ใช่แค่ซ่า แต่ “ลึก” และ “ซับซ้อน” กว่าที่เคยรู้